“อิตัลไทย” เดินหน้าลงทุน อีอีซี บุกธุรกิจบริการวิศวกรรม เซ็นสัญญาก่อสร้างวางระบบ วังจันทร์วัลเลย์ กับ ปตท. เล็งเข้าร่วมพัฒนาสมาร์ทซิตี้ สัตหีบ วางระบบสนามบินอู่ตะเภา มั่นใจรัฐบาลใหม่เดินหน้าอีอีซี
นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอิตัลไทย เปิดเผยว่า เขตพัฒนาพิเศาภาคตะวันออก (อีอีซี) จะส่งผลบวกกับธุรกิจของกลุ่มอิตัลไทย โดยล่าสุดได้ลงนามสัญญากับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าไปก่อสร้างวางระบบในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ของกลุ่ม ปตท. ในเฟสแรก มีมูลค่าประมาณ 2-3 พันล้านบาท จากโครงการทั้งหมดที่มีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ อิตัลไทยจะทยอยประมูลเฟสต่อไปเรื่อยๆ โดยบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)จะเข้าไปรับเหมาก่อสร้าง ส่วนอิตัลไทย จะเข้าไปวางระบบต่างๆ คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินงานประมาณ 4 ปีนอกจากนี้ ยังมีโครงการวางระบบให้กับโรงพยาบาลสมเด็จศรีราชา 5-6 พันล้าน และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ 5-6 พันล้าน ปีหน้าจะเน้นหนักในงานวางระบบโรงพยาบาลเป็นหลัก
นอกจากนี้ อิตัลไทยมีแผนเข้าไปร่วมพัฒนาโครงการสมาร์ทซิตี้และสมาร์ทกริดที่สัตหีบ โดยที่ผ่านมาได้ไปยื่นข้อเสนอกับกองทัพเรือแล้ว และคาดว่าจะรู้ผลในช่วงปลายปีนี้ รวมทั้งมีแผนเข้าไปประมูลงานบริหารจัดการ และวางระบบในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เพราะหลังจากที่สนามบินอู่ตะเภา และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) แล้วเสร็จ จะทำให้มีเที่ยวบินตรงเข้าสู่สนามบินอู่ตะเภาเพิ่มขึ้น และนักท่องเที่ยวสามารถใช้รถไฟความเร็วสูงมาที่อู่ตะเภาได้รวดเร็ว
มั่นใจรัฐบาลใหม่ดัน“อีอีซี”
นายยุทธชัย กล่าวว่า หลังจากนี้ อิตัลไทย จะให้ความสำคัญกับอีอีซี โดยเฉพาะการเข้าไปเจาะตลาดการให้บริการ และวางระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ ในนิคมอุตสาหกรรม เพราะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้อีกมาก โดยมั่นใจว่ารัฐบาลใหม่จะเดินหน้าผลักดันอีอีซีต่อไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล เพราะโครงการนี้ได้วางรากฐานไว้แล้ว รวมทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังประมูลเป็นโครงการใหญ่ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มาก
โดยจะเข้าไปเจรจากับผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำ เช่น บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รวมถึงผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมรายอื่นในอีอีซี อย่างไรก็ตาม บริษัทพัฒนานิคมฯเหล่านี้ล้วนแต่มีธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคต่างๆ อยู่แล้ว แต่อิตัลไทยจะเข้าไปเจรจาขยายความร่วมมือให้มากขึ้น
“อิตัลไทยมีความเชี่ยวชาญสูงในงานสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ ทั้งในเรื่องระบบไฟฟ้า โซลาร์ฟาร์ม วินฟาร์ม รวมทั้งจะขยายงานไปสู่ธุรกิจก่อสร้างโรงสร้างพื้นฐานในนิคมฯ เพื่อให้ดำเนินงานได้อย่างครบวงจร”
เดินหน้าธุรกิจงานวางระบบ
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจผู้รับเหมางานวิศวกรรมและก่อสร้างแบบครบวงจรอิตัลไทยมีฐานอยู่ที่จ.ระยอง ที่ได้เข้าไปให้บริการวางระบบให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ให้กับเอสซีจีเคมิคัล ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องมีมาตรฐานการทำงานที่สูงมาก โดยอิตัลไทยวิศวกรรมจะลงทุน 100 ล้านบาทในการขยายสาขาที่จ.ระยอง พร้อมเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของอีอีซี ซึ่งมีแผนจะเข้าไปเจรจาร่วมทำงานกับบริษัทก่อสร้างชั้นนำต่างๆนอกเหนือจาก อิตาเลียนไทย โดยใช้จุดแข็งของทีมงานวิศวกรที่มีประสบการณ์สูง รวมทั้งบริษัท จะเร่งต่อยอดพัฒนาคนอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจบริการ โดย ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ได้เข้าไปลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาท พัฒนาโครงการโอโซ่ พัทยา และปรับโฉมใหม่อมารี พัทยา และพัฒนาห้องสวีทเฟสใหม่ โดยจำนวนห้องพักรวมทั้งโอโซ่พัทยา และ อมารีพัทยา 752 ห้อง ทำให้มีจำนวนห้องมากที่สุดในพัทยาเหนือ แบ่งเป็นห้องพักอมารีพัทยา รวมห้องสวีทเฟสใหม่ 346 ห้องจะเปิดให้บริการในช่วงเดือนมิ.ย. ปี 2562 ส่วน โอโซ่ พัทยา มีห้องพัก 406 ห้อง มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2563
“อู่ตะเภา”สร้างโอกาสธุรกิจ
“นอกจากจะลงทุนปรับปรุงขยายโรงแรมแล้ว ยังได้ขยายสัญญาเช่าที่ดินไปอีก 30 ปี และยังหาโอกาสลงทุนด้านโรงแรมในพื้นที่ อีอีซี มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรองรับปริมาณนักท่องเที่ยว และผู้ที่จะเข้ามาเยือน อีอีซี ที่จะเพิ่มขึ้นมากในอนาคต”
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเข้าไปขยายธุรกิจบริการอพาร์ตเมนต์ในพื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เพราะหลังจากที่โครงการก่อสร้างศูนย์ซ่อมอากาศยานระหว่างการบินไทยกับแอร์บัสเสร็จ จะมีช่วงและเจ้าหน้าที่จากต่างชาติเข้ามาพักระยะยาวอีกเป็นจำนวนมาก จึงมองว่าธุรกิจบริการอพาร์ตเมนต์ จึงมีโอกาสเติบโตสูงมาก
คาดปีนี้รายได้ 1.5 หมื่นล้าน
ทั้งนี้ ใน 2562 อิตัลไทยคาดการณ์รายได้ 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ธุรกิจเครื่องจักรกลหนักและธุรกิจรับเหมางานวิศวกรรมก่อสร้างแบบครบวงจร คาดว่าจะมีรายได้ 9,400 ล้านบาท โดยครอบคลุมการขายเครื่องจักรกลหนัก 6 แบรนด์ การบริการหลังการขาย การเช่าเครื่องจักรกลหนัก การพัฒนาพลังงานไฟฟ้า การพัฒนาสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ งานบำรุงรักษาระบบพลังงาน งานระบบประกอบอาคาร งานก่อสร้างอาคาร-โยธา
2.ธุรกิจอุตสาหกรรมบริการ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ คาดว่าจะมีรายได้ 5,630 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมธุรกิจโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ แบงค็อก และธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม
สำหรับสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 40% ในประเทศ 60% อยากเห็น 60% จากต่างประเทศ 40% ในไทย และซีแอลเอ็มวี อยากขยายในจีน ระยะยาว จีนเลือกมณฑลหนึ่งทำได้ดีก็ขยายได้ และ 1 มณฑลเท่ากับไทย 3 ประเทศ แต่ขณะนี้เศรษฐกิจจีนกำลังแย่ ในไทยอย่างไรก็เติบโตสูง มีธุรกิจก่อสร้างต่างๆ ขยายตัว