โรงเรียนนานาชาติ เติบโตเฉลี่ย 12 % ตลาดรวมของธุรกิจ 60,500 ล้านบาท/ปี
เผย โรงเรียนนานาชาติเติบโตเฉลี่ย 12 % ขยายตัวแบบก้าวกระโดด นักเรียนเข้าเรียนเพิ่มขึ้น 4-6% ต่อปี ตลาดรวมของธุรกิจ 60,500 ล้านบาท/ปี ระบุ 7 ปัจจัยผู้ปกครองส่งลูกหลานเข้าเรียน ลงทุนเพื่อการศึกษาที่ดีของลูก
นายสาคร สุขศรีวงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ และกรรมการร้านภูฟ้า ในฐานะประธานบริหารโรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ กล่าวว่าขณะนี้แนวโน้มเติบโตของโรงเรียนนานาชาติสูงขึ้น โดยดูได้จากการขยายของโรงเรียนนานาชาติทั่วประเทศที่มีจำนวนมากขึ้น และจำนวนนักเรียนที่เข้ามาเรียนโรงเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้น 4-6% ต่อปี ดังนั้น แนวโน้มในอนาคตโรงเรียนนาชาติจะมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น เพราะต่อให้มีการแข่งขันกันสูง แต่คุณภาพ มาตรฐาน ของโรงเรียนนานาชาติส่งผลให้พ่อแม่ผู้ปกครอง พร้อมลงทุนการศึกษาให้แก่ลูก อีกทั้งบางคนก็ไม่อยากส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ เนื่องจากเรียนโรงเรียนนานาชาติในไทยกับต่างประเทศไม่ได้ต่างกัน
ข้อมูลจากสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย ระบุว่าโรงเรียนนานาชาติมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 12% (ย้อนหลัง 8 ปี) ในปี 2560 มีจำนวนโรงเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้นถึง 18-20% นับเป็นการขยายตัวแบบก้าวกระโดด มีตัวเลขตลาดรวมของธุรกิจ 60,500 ล้านบาท/ปี แบ่งเป็นมูลค่าตลาดทางตรง 26,000 ล้านบาท/ปี มูลค่าตลาดทางอ้อม 28,000 ล้านบาท/ปี และครู 7,200 คน โดยประเทศไทยมีโรงเรียนนานาชาติทั้งหมด 175 โรงเรียน และเป็นสมาชิกของสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทยทั้งหมด 127 โรงเรียน โดยสัดส่วน 2 ใน 3 เป็นโรงเรียนนานาชาติในเขตกรุงเทพมหานคร
นายสาคร กล่าวต่อว่า สำหรับปัจจัยที่ทำให้โรงเรียนนานาชาติ เป็นที่ต้องการของตลาด พบว่ามี 7 ประเด็นสำคัญ คือ 1.คุณภาพหลักสูตร ต้องได้รับมาตรฐานทั้งไทยและต่างชาติ 2.มีความร่วมมือกับโรงเรียนในต่างประเทศที่ได้รับความนิยม 3.ทำเลที่ตั้งของโรงเรียน ต้องสะดวกต่อการเดินทาง เพราะอย่างที่ทราบว่ากรุงเทพฯ มีปัญหาการจราจร ดังนั้น ทำเลที่ตั้งของโรงเรียนต้องอำนวยความสะดวกการเดินทางมาเรียนของนักเรียน 4.ครูผู้สอน ต้องเป็นครูที่มีจิตวิญญาณความเป็นครู เป็นผู้ถ่ายทอดและพร้อมช่วยเหลือนักเรียนในทุกเรื่อง 5.เทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการเรียนการสอน 6.สภาพแวดล้อม อุปกรณ์การเรียนการสอน และ7.จุดเด่นของการจัดการเรียนการสอนที่ต้องมีจุดเด่นเฉพาะ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้โรงเรียนนานาชาติ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ปกครอง อีกทั้งการเรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย ยังคงสอน ปลูกฝังในเรื่องของความเป็นไทย วัฒนธรรมไทย และแต่ละโรงเรียนก็จะมีสัดส่วนของนักเรียนไทยและต่างชาติ ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้ความเป็นไทย และความหลากหลายวัฒนธรรม รวมถึงความร่วมมือกับโรงเรียนยอดนิยมในต่างประเทศ ทำให้เมื่อจบการศึกษาเด็กได้มาตรฐานเท่ากับเด็กที่เรียนในต่างประเทศ
“พ่อแม่ ผู้ปกครอง พร้อมลงทุนการศึกษาให้ลูก เพราะเมื่อเทียบกับสิ่งที่ลูกจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็น หลักสูตร การจัดการเรียนการสอน ครูผู้สอนล้วนมีคุณภาพมาตรฐาน สภาพแวดล้อม อุปกรณ์ เทคโนโลยีต่างๆ ที่ทุกโรงเรียนนานาชาติพร้อมจะลงทุน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเด็กให้มีความพร้อมในทุกด้าน ฉะนั้น ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โรงเรียนนานาชาติจะมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น จึงอยากให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ก่อนจะตัดสินใจส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติ ควรจะเข้าไปศึกษารายละเอียดของโรงเรียนเหล่านั้น เพราะแต่ละโรงเรียนจะมีหลักสูตร มีการเรียนการสอนแตกต่างกันออกไป โดยหลักสูตรที่สอนอยู่ในโรงเรียนนานาชาติที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย จะมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ พ่อแม่ผู้ปกครองต้องข้อมูล และเลือกการศึกษาให้ลูกตามความเหมาะสม” นายสาคร กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มการเติบโตและมูลค่าทางธุรกิจส่งผลให้กลุ่มนักธุรกิจสนใจลงทุนธุรกิจการศึกษา เพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการขององค์กร และเป็นการต่อยอดทางธุรกิจ ภายใต้ความร่วมมือกับโรงเรียนนานาชาติจากต่างประเทศและมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเตรียมขยายธุรกิจการศึกษาให้รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กลุ่มทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนธุรกิจการศึกษาในประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย รัสเซีย และอังกฤษ
นายสาคร กล่าวอีกว่าการเปิดโรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ (King’s College International School Bangkok) เป็นการก่อตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือจากโรงเรียนคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน ประเทศอังกฤษ (King’s College School, Wimbledon) ทางองค์กรได้ลงทุนไปกว่า 3-4 พันล้านบาท เพื่อต้องการที่จะทำโรงเรียนให้มีคุณภาพที่ดีที่สุด ไม่เพียงแค่เป็นประโยชน์ต่อตัวนักเรียนและผู้ปกครอง แต่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ โดยตั้งเป้าหมายที่จะสร้างโรงเรียนแห่งนี้ให้เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ดีที่สุดในเอเชีย และช่วยสร้างชื่อเสียงให้กรุงเทพฯ ขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางศึกษาของภูมิภาคเอเชียต่อไปหนึ่งในโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จด้านการศึกษาสูงสุดในโลก โดยขณะนี้ได้มีการเปิดรับสมัครนักเรียน เพื่อจะเข้าเรียนในปีการศึกษา 2563 ชั้น Pre-nursery (อายุ 2 ปี) จนถึง Year 6 (อายุ 11 ปี) ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.เป็นต้นไป