GPI แก้เกม 'มอเตอร์โชว์' รุกงานใหม่ 'ยกฐานะ'
เมื่อธุรกิจงานแสดงสินค้าอย่าง 'มอเตอร์โชว์' ผลักดัน 'ฐานะการเงิน' เติบโตไม่ 'โดดเด่น' เฉกเช่นเดิม หลังครองมาร์เก็ตแชร์เบอร์ 1 'อโณทัย เอี่ยมลำเนา' นายใหญ่ 'กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล' จำต้องแสวงหา Exhibition ใหม่ ส่งซิกปีหน้ามีเซอร์ไพรส์ชัวร !!
ธุรกิจเดิมที่คลุกคลีมาตลอด 40 ปี ของ บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI ผู้ประกอบการจัดงานแสดงสินค้า (Exhibition) 'Bangkok International Motor Show' ไม่สามารถผลักดันตัวเลขการเติบโตสม่ำเสมอ อันเนื่องจากปัจจุบันมีสัดส่วน 'ส่วนแบ่งทางการตลาด' (Market Share) เป็นเบอร์ 1 ของเมืองไทย ดังนั้น การจะทำให้ธุรกิจมีอัตราเติบโตแบบ 'ก้าวกระโดด' คงเป็นเรื่องที่ยากลำบากแล้ว !!
จากปัญหาดังกล่าวทำให้ 'กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล' จำต้องแสวงหาช่องทางการเติบโตครั้งใหม่ ด้วยการ 'แตกไลน์' ออกไปในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องประเภทอื่นๆ อาทิ การจัดงานแสดงสินค้าประเภทอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ หรือ เกี่ยวกับรถยนต์ก็เป็นรถประเภทอื่น...
การขยายธุรกิจจัดงาน Motor Show ในปัจจุบันสร้างการเติบโตค่อนข้างลำบาก เนื่องจากบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์มากแล้ว หากยังยึดติดอยู่กับการดำเนินธุรกิจรูปแบบเดิมอย่างเดียว โอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนก็ยากขึ้น ดังนั้น การนำประสบการณ์แข็งแกร่งกว่า 40 ปี ในการเป็นผู้นำจัดงาน Motor Show ของบริษัทมาเป็นเครื่องมือในการสร้างธุรกิจใหม่น่าจะเป็นหนึ่งทางออก...!!
ปัจจุบัน GPI ประกอบธุรกิจแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 'กลุ่มธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด' โดยเฉพาะ 'ธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้า' (Exhibition) คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 86% ปัจจุบันบริษัทจัดงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดแสดงยานยนต์ คือ งาน Bangkok International Motor Show ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมยานยนต์รถต้นแบบยนตรกรรมรถยนต์ รถจกัรยานยนต์ เทคโนโลยี เครื่องเสียง รถยนต์อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์รวมถึง อุปกรณ์เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์
และงาน Bangkok Used Car Show เป็นงานแสดงและจำหน่ายรถยนต์หรูมือสองและรถยนต์มือ สองคุณภาพดีจากผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองที่มีชื่อเสียง โดยงาน Bangkok Used Car Show จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2552
'กลุ่มธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อรูปแบบใหม่' โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตจัดจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวกับรถยนต์ อุสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์ตกแต่งนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ เช่น นิตยสารกรังด์ปรีซ์ นิตยสารออฟโรด นิตยสารมอเตอร์ไซค์ นิตยสารเอ็กซ์โอ ออโต้สปอร์ต และหนังสือพิมพ์ยวดยาน เป็นต้น
และ 'กลุ่มธุรกิจรับจ้างพิมพ์' บริษัทเป็นผู้รับจ้างผลิตและจัดส่งสิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ อาทิ หนังสือนิตยสาร วารสาร แคตตาล็อก แผ่นพบับใบปลิว โบรชัวร์ ปฏิทิน และสิ่งพิมพ์อื่นๆ แบบครบวงจร ให้แก่บริษัทอื่นๆ
'อโณทัย เอี่ยมลำเนา' ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านพัฒนาธุรกิจ บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI บอกกับ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ว่า ในแผนธุรกิจ 3-5 ปีข้างหน้า (2562-2566) บริษัทยังมุ่งเน้นในธุรกิจงานจัดแสดงสินค้า (Exhibition) สะท้อนจากที่บริษัทเป็นหนึ่งในผู้จัดงาน Motor Show ที่มีมาร์เก็ตแชร์เบอร์ 1 ของเมืองไทย
ฉะนั้น บริษัทจึงมีความสามารถที่จะจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบอื่นๆ ได้อีก ซึ่งในปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างชาติว่าจะจัดงานแสดงสินค้าประเภทใดที่เป็นสินค้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับรถยนต์อย่างเดียว อาทิ งานแสดงสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ , อุปกรณ์การเกษตร เครื่องสำอาง , อาหาร เป็นต้น หรือแม้แต่ในส่วนของรถยนต์ก็ยังแตกไลน์ออกไปโชว์ประเภทอื่น เช่น การจัดโชว์รถยนต์ประเภทรถแต่ง , รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ล้วนๆ หรือ แม้แต่งานโชว์เรือ เป็นต้น โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 2563
'อะไรที่เป็นงานเกี่ยวกับ Exhibition เราทำได้หมด แตกต่างกันเพียงแค่ลูกค้าเท่านั้น ในภาพรวมของงานแสดงสินค้าก็เหมือนกันหมด คงคล้ายๆ เหมือนการทำธุรกิจโรงภาพยนตร์ ต่างกันแค่หนังที่นำมาฉายเท่านั้น'
สำหรับแผนการ 'โกอินเตอร์' นั้น 'นายใหญ่' แจกแจงต่อว่า การจัดงานมอเตอร์โชว์ในภูมิภาคอาเซียน ในปี 2562 จัดงาน Yangon International Motor Show ครั้งที่ 1 ในเมืองย่างกุ้ง 'ประเทศเมียนมา' เมื่อช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา แม้ว่าจะขาดทุนประมาณ 5 ล้านบาท แต่ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เนื่องจากบริษัทได้ลูกค้ารายใหญ่ อาทิ อีซูซุ ,โตโยต้า ,ฟอร์ด เป็นต้น โดยงานที่จัดขึ้นมียอดขายรถยนต์ราว 120 กว่าคัน และมีผู้เข้าชมงานกว่า 20,000 คน
อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดเมียนมาเป็นตลาดที่เพิ่มเริ่มต้น คงต้องใช้เวลา ประกอบกับตอนนี้เศรษฐกิจในเมียนมาค่อนข้างแย่มาก ค่าเงินผันผัน รวมทั้งเมียนมาเพิ่มยกเลิกนำเข้ารถยนต์เก่าที่มีพวงมาลัยด้านขาว และรถยนต์ใหม่ที่มีพวงมาลัยด้านซ้ายเพิ่มเริ่มทำการตลาดและจำหน่ายเอง ฉะนั้น ยอดขายรถยนต์จึงยังไม่เยอะมาก
ดังนั้น ค่ายรถยนต์ต่างๆ จึงยังไม่มีเงินงบประมาณเหลือมาใช้ในการจัดแสดงมอเตอร์โชว์มากนัก ซึ่งการที่ลูกค้าจะมาจัดแสงงานมอเตอร์โชว์กับบริษัทจะต้องคิดถึง 'รีเทิร์น' ก่อนว่าจะขายรถได้กี่คัน และคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไหม ? นั้นเอง 'นายใหญ่ GPI' ฉายภาพให้ฟัง
'ตอนนี้ก็เป็นเรื่องลำบากที่จะพูดถึงการเจริญเติบโตในเมียนมา แต่หากเราไม่เข้าไปตอนนี้อนาคตเราก็จะก้าวช้าไป ฉะนั้น ยังไงเราก็ต้องนำตัวเองเข้าไปอยู่ในตลาดเมียนมาก่อน ซึ่งเราก็พยายามพยุงตัวเองให้อยู่ตรงนี้ให้ได้ก่อน'
สำหรับการลงทุนในเมียนมา บริษัทคงไม่ได้เข้าไปแค่จัดงานมอเตอร์โชว์อย่างเดียว แต่ตอนนี้กำลังดูว่าจะจัดงานแสดงสินค้าแบบอื่นได้อีกไหม !! อาทิ งานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ , อาหาร , เครื่องสำอาง เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันเมียนมามีการจัดงานแสดงสินค้าดังกล่าวบ้าง แต่เป็นลักษณ์งานแสดงสินค้าแบบ B to B ยังไม่ถึงแบบ B to C
อย่างเมืองไทย นอกจากนี้ บริษัทกำลังมองหางานอีเว้นท์ที่เกี่ยวกับการโชว์รถยนต์ ซึ่งบริษัทจะนำโมเดลที่ทำอยู่ในเมืองไทยที่เป็นคนจัดงานโชว์รถยนต์ในกรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด แล้วแต่เจ้าของแบรนด์รถยนต์จะจ้าง โดยอนาคตจะนำโมเดลดังกล่าวไปคุยกับเจ้าของแบรนด์รถยนต์ในเมียนมาหากสนใจที่จะจ้างบริษัทจัดงานอีเว้นท์ในรูปแบบดังกล่าว ทั้งการสอนขับรถยนต์ , การทดลองขับรถยนต์รุ่นใหม่ (test drive) เป็นต้น
โดยปัจจุบันเริ่มมีการคุยกับเจ้าของรถยนต์บ้างแล้ว เพียงแต่ตอนนี้เศรษฐกิจเมียนมายังไม่ดี ประกอบในเมียนมารถยนต์ไม่ใช่อุตสาหกรรมหลักของประเทศด้วย และมาตรการของรัฐบาลเมียนมาก็ยังไม่ชัดเจนด้วยคงต้องใช้เวลาในการดำเนินการพอสมควร
นอกจากนี้ เมื่อ 2 ปีก่อน บริษัทเคยจะเข้าไปลงทุนใน 'ประเทศกัมพูชา' แต่ว่ามีอันต้องชะลอออกไปก่อน หลังจากมีการประสานงานกันนานกว่า 2 ปี เนื่องจากว่าช่วงนั้นบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมตัวเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งหากมองตลาดกัมพูชาส่วนตัวมองว่าน่าจะแข็งแรงกว่าตลาดเมียนมามาก ในปีนี้บริษัทกำลังศึกษาจะกลับเข้าไปลงทุนใหม่ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะเข้าไปดูตลาดก่อน คาดว่าในปี 2563 มีโอกาสที่บริษัทจะกลับเข้าไปลงทุนอีกครั้ง !! โดยตลาดกัมพูชาค่อนข้างมีกำลังซื้อ และมั่นคงกว่าตลาดเมียนมา
'การที่เราจะกลับเข้าไปลงทุนในกัมพูชาใหม่ เราไม่ต้องใช้เวลาในการคุยกันถึง 2 ปีแล้ว เพราะว่าเรารู้จักลูกค้าหมดแล้ว เพียงแต่เราไปเรื้อฟื้นความสัมพันธ์กันใหม่เท่านั้นเอง ซึ่งคงใช้เวลาไม่เท่าไหร่'
เขา บอกต่อว่า ในปี 2562 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 10% โดยพอร์ตรายได้หลักจะมาจากกลุ่มธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ได้แก่ การจัดงาน The 40th Bangkok International Motor Show ซึ่งจะเป็นการจัดงานครั้งที่ 40 ในปีนี้
ขณะที่ทิศทางการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2562 จะได้รับผลดีจากการรับรู้รายได้และผลกำไรจากการจัดงาน Bangkok International Motor Show 2019 ในส่วนที่เหลือ ส่วนกลุ่มธุรกิจรับจ้างพิมพ์คาดว่าจะขยายตัวได้ดีจากการได้รับงานพิมพ์เพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ได้เสริมทีมงานฝ่ายขายเพื่อขยายงานและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการพิมพ์งานบรรจุภัณฑ์ หลังจากได้ติดตั้งเครื่องจักรใหม่ที่สามารถขยายการรับงานพิมพ์แพ็กเกจจิ้งที่ต้องการความคมชัดสูงเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากนี้คาดว่าธุรกิจจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดมีแนวโน้มขยายตัวเช่นกัน เนื่องจากผู้ประกอบการยานยนต์ต่างๆ ต้องการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อผลักดันยอดขายรถในปีนี้เติบโตตามแผนงานพร้อมกันนี้ได้วางแผนขยายการจัดงานมอเตอร์โชว์ในภูมิภาคอาเซียนและนำประสบการณ์ในธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าต่อยอดเข้าสู่การจัดแข่งขัน 'eRacing Sport' เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น บริษัทมีรายได้จากสปอนเซอร์ที่สนับสนุนการแข่งขัน คาดว่าปีนี้จะมีรายได้จากธุรกิจดังกล่าวประมาณ 20 ล้านบาท
สำหรับ ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2562 คาดว่ายอดขายรถยนต์มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขายทะลุ 'ล้านคัน' ซึ่งสูงสุดใน 'รอบ 5 ปี' และมีอัตราเติบโตเกือบ 20% เนื่องจากผู้ผลิตยานยนต์ส่วนใหญ่ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นในปีนี้และวางแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
ขณะที่ 'ธุรกิจกลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อรูปแบบใหม่' คิดเป็นสดส่วนรายได้ 7% โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้จากสื่อออนไลน์และการให้บริการบนแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งแก่ลูกค้า เพื่อรับมือกับเทรนด์ธุรกิจสื่อที่ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงช่องทางรับข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์เป็นสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย
โดยเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับ บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลมีเดียและสนับสนุนพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง ให้แก่บริษัท โดยจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ต่อยอดสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้เข้าชมงาน Bangkok International Motor Show 2019 เช่น การพัฒนาแอพพลิเคชั่น , การจัดเก็บ Big Data Analytics เพื่อนำมาใช้ต่อยอดขยายธุรกิจ
ส่วน 'ธุรกิจรับจ้างพิมพ์' บริษัทเตรียมขยายฐานลูกค้าใหม่ เช่น การรับจ้างพิมพ์บรรจุภัณฑ์ , งานพิมพ์ 3 มิติสามารถสร้างลวดลายนูนสูง-นูนต่ำบนพื้นผิว จากเดิมที่ให้บริการพิมพ์หนังสือ ไดอารี่ ส.ค.ส. เป็นหลัก หลังจากติดตั้งเครื่องพิมพ์ใหม่เมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับจ้างพิมพ์ที่ดียิ่งขึ้นต่อไป
ท้ายสุด 'อโณทัย' ทิ้งท้ายไว้ว่า ในอนาคตเราจะมีรายได้จากธุรกิจใหม่เข้ามาเสริมธุรกิจ เช่นรายได้จากการจัดแข่งขัน eRacing Sport ซึ่งเป็นการต่อยอดประสบการณ์จากการรับจัดแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต