'แอสเสทเวิรด์'เทรดวันแรกหวิดต่ำจอง ลุ้นเข้า'เอ็มเอสซีไอ'ปลายปีนี้
“แอสเสท เวิรด์” เทรดวันแรกปิดบวก 0.83% “ผู้บริหาร” ลั่นพอใจราคา แม้ขยับขึ้นไม่มาก มั่นใจแนวโน้มผลดำเนินงานเติบโตดี หนุนราคาค่อยๆ ตอบรับ ด้าน “เอฟเอ” ยันใน 5 ปีข้างหน้า รายได้ส่อโต 100%
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (ตลท.) ในวานนี้(10ต.ค.) โดยราคาเปิดตลาดที่ 6 บาท เท่ากับราคาที่เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(ไอพีโอ) ระหว่างวันราคาปรับตัวขึ้นไปทำจุดสุงสุดที่ 6.10 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายสิ้นวันที่ 6.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.83% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวมที่ 8,130.139 ล้านบาท
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า ราคาหุ้นเปิดซื้อขายวันแรก แม้ปรับตัวขึ้นไม่มาก แต่ค่อนข้างพอใจ ซึ่งหุ้นของบริษัทถือเป็นหุ้นโกรทสต็อก ทำให้ราคาหุ้นจะค่อยๆ ตอบสนองผลงานในอนาคต
“ราคาหุ้นของ AWC คงต้องรอผลงานสักระยะหนึ่ง ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วราคาจะสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนออกมาได้เอง การลงทุนในหุ้น AWC ถือเป็นการลงทุนระยะยาวอย่างแท้จริง เพราะจุดเด่นของบริษัทคือการมีสินทรัพย์ส่วนใหญ่ในลักษณะ Freehold จึงไม่ต้องกังวลเรื่องของอายุสัญญา ทำให้บริษัทสามารถลงทุนปรับปรุงสินทรัพย์ต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง” นางวัลลภา กล่าว
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร จำกัด ในฐานะที่ปรึกษทางการเงิน AWC กล่าวว่า พอใจกับราคาเปิดซื้อขายหุ้นวันแรกของ AWC ที่สูงกว่าราคาจองได้ สวนกับดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ปรับตัวลดลง ซึ่งสะท้อนมีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อ จากผลการดำเนินงานเติบโตสูงในอนาคต โดยคาดว่า 5 ปี จะเติบโต ได้ 100 % เพราะ AWC ใช้เงินซื้อสินทรัพย์จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ‘เจริญ สิริวัฒนภักดี’ ที่สร้างเสร็จแล้ว โครงการที่อยู่ระหว่างการปรับตัว และ พัฒนาหลายโครงการ และมีที่ดินในมือเหลืออีกจำนวนในการพัฒนาโครงการต่าง ทำให้บริษัทมีการเติบโตต่อเนื่อง
‘หุ้น AWC อย่าไปมองที่ P/E เพราะ บริษัทจะมีผลการดำเนินงานเติบโตสูงขึ้น ทันที เมื่อ มีการใช้เงินไอพีโอ เข้าไปซื้อสินทรัพย์ จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ และกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ มีโครงการในมืออีกจำนวนมาก รวมถึงมีที่ดินที่สามารถนำมาพัฒนาโครงการได้อีกมากมาย ทำให้อนาคต AWC เติบโตต่อเนื่อง โดยถือว่าเป็นหุ้นโกรทสต็อก ’ นายอนุวัฒน์ กล่าว
สำหรับการเข้าจดทะเบียนในวันแรก นั้น ยังไม่มีการใช้ กรีน ชู เข้ามาซื้อหุ้น เนื่องจาก ราคาหุ้นยังไม่ต่ำจอง ซึ่งการที่จะใช้กรีนชู ได้ก็ต่อเมื่อ ราคาหุ้นต่ำจองเท่านั้น และมีระยะเวลาในการซื้อ 30 วัน นับจากที่หุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการ และผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า หุ้น AWC เข้ามาจดทะเบียนแล้ว คาดว่าจะทำให้มูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) ของตลาดหลักทรัพย์ฯปรับตัว เพิ่มขึ้น เนื่องจาก AWC เป็นหุ้นขนาดใหญ่ ทำให้หุ้นถูกเข้าคำนวณในดัชนี SET 50 ภายใน3 วันทำการ ( T+3) และมีโอกาสเข้าไปคำนวนในดัชนี MSCI ได้ในปีนี้
เนื่องจาก MSCI จะมีการทบทวนรายชื่อหุ้นที่ใช้คำนวณดัชนี อีกครั้งในปีนี้ คือ เดือน พ.ย. ซึ่งหากได้เข้าไปคำนวณ ยิ่งผลดีกับตลาดหุ้นไทย ทำให้นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ เข้ามาซื้อหุ้นดังกล่าว ส่วนจะมีผลทำให้ตลาดหุ้นไทยมีน้ำหนักในดัชนี MSCI เพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ว่าตลาดหุ้นอื่นๆมีมาร์เกตแคปเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากยังคงมีขนาดเท่าเดิม มีโอกาสน้ำหนักหุ้นไทยใน MSCI เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลท. เตรียมนำหุ้น AWC เข้าคำนวณใน SET50 และ SET100 มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.นี้ และนำหลักทรัพย์ของธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) และ บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้(BEAUTY) ออกจากองค์ประกอบของดัชนี SET50 และ SET100 ไปอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์สำรอง (Reserve List) ของแต่ละดัชนีตามลำดับ