ชูไอเดียฟอร์มทีม ‘เชฟมิชลิน’ โปรโมทอาหารไทยติดท็อป 5 โลก
แนวโน้มของธุรกิจอาหารในไทยยังหอมหวน ชวนผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก-กลาง-ใหญ่เข้ามาลงทุน ยิ่งคู่มือ “มิชลินไกด์” เข้ามาเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ชี้วัดคุณภาพและมาตรฐานของร้านอาหารหลากสไตล์ในไทย ยิ่งสร้างกระแสการเดินทางตามรอยมากมายในโซเชียลมีเดียและโลกออนไลน์
กระทั่งวานนี้ (12พ.ย.) ได้ฤกษ์ประกาศรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับรางวัลดาวมิชลินและบิบกูร์มองด์ ประจำปี2563พร้อมเปิดตัวคู่มือแนะนำอาหารและที่พัก ฉบับที่3ของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “มิชลิน ไกด์ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ตและพังงา” โดยมีร้านอาหารได้รับรางวัล2ดาวมิชลิน จำนวน5ร้าน, รางวัล1ดาวมิชลิน จำนวน24ร้าน และรางวัลบิบกูร์มองด์ (ร้านอาหารที่มอบความคุ้มค่า ราคาไม่เกิน1,000บาทต่อมื้อ) จำนวน94ร้าน
หนึ่งในไฮไลท์ของงานคือ ร้านอาหารไทยดั้งเดิม2ร้าน สามารถเลื่อนระดับจาก1ดาว มาครองรางวัล “2ดาวมิชลิน” ในครั้งนี้ ได้แก่ ร้านR-Haanและร้านศรณ์ ส่วนร้านระดับ2ดาวมิชลินในปีก่อนที่ยังคงรักษาสถานะไว้ได้คือ เลอ นอร์มังดี, เมซซาลูน่า และซูห์ริง
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีร้านอาหารไทยแบบดั้งเดิมและโดดเด่นเรื่องการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลักครองรางวัล2ดาวมิชลิน และจากนี้เตรียมนำผลการประกาศรางวัลไปขยายผลต่อเพื่อโปรโมทตลาดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ หลังเห็นแนวโน้มการเติบโตของ “ฟู้ดทัวร์” เด่นชัด
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการจะมีร้านอาหารในไทยที่ได้รางวัล3ดาวมิชลิน ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เนื่องจากเพิ่งประกาศผลมาแค่3ปีเท่านั้น ยังต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตามมองว่าสิ่งสำคัญมากกว่าคือการได้มิชลินมาช่วย “ยกระดับวงการอาหารในไทย” ให้มีมาตรฐานสูงขึ้นทั้งคุณภาพและบริการ
อย่างที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นปีแรกที่มิชลินไกด์เข้าไปคัดสรร แม้จะยังไม่มีร้านอาหารใดได้ 1ดาวมิชลิน แต่ ททท.ก็เตรียมจับมือกับทางจังหวัดเชียงใหม่เพื่อโปรโมทให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติไปเยือน17ร้านที่ได้รางวัลบิบกูร์มองด์ซึ่งราคาไม่แพง และเข้าถึงง่าย
“การท่องเที่ยวเชิงอาหารถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของแคมเปญสื่อสารการตลาด‘อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ โอเพ่น ทู เดอะ นิว เฉดส์’โดยการได้มิชลินมาช่วยโปรโมทประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับโลก จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาเยือนไทยมากขึ้น หนุนสร้างการเติบโตด้านรายได้ของร้านอาหารในไทยรวมถึงรายได้ท่องเที่ยวไทยในภาพรวม”
ทั้งนี้ภาคท่องเที่ยวยังรับบทสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจร้านอาหารในไทย เพราะจากข้อมูลปี2561ท่องเที่ยวไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ2ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น9.6%เมื่อเทียบกับปี2560โดยใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่มมากเป็นอันดับ3รองจากที่พักและของที่ระลึก นอกจากนี้สถิติเมื่อปี2561ยังระบุด้วยว่ามีการเปิดร้านอาหารใหม่ทั่วประเทศไทยมากกว่า2,000แห่ง เพิ่มขึ้น9.5%เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งหมดร่วม6.8พันล้านบาท เติบโตถึง50%
ชุมพล แจ้งไพร เจ้าของร่วมและเชฟร้าน R-Haan กล่าวว่า ถือเป็นความภูมิใจที่สุดในชีวิตอีกครั้งนับตั้งแต่ทำอาหารไทยมา30ปี ที่สามารถพาร้านคว้า2ดาวมิชลินมาไว้กับร้านอาหารของไทยเป็นครั้งแรกของโลก ด้วยการใช้วัตถุดิบจากภาคเกษตรของไทย และจะถือโอกาสนี้หารือกับหน่วยงานของรัฐบาล เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อผลักดันให้ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงและเน้นคุณภาพจำนวนหลายหมื่นร้านทั่วโลก เลือกใช้วัตถุดิบและสินค้าเกษตรของไทยในการปรุงอาหาร
“เบื้องต้นได้หารือกับกระทรวงเกษตรฯแล้ว หลังเห็นศักยภาพของสินค้าเกษตรของไทยที่มีคุณภาพ และผลิตแบบออร์แกนิคได้มาตรฐานสากลมากขึ้น โดยปัจจุบันมีร้านอาหารทั่วโลกที่ต้องการสินค้าคุณภาพ มั่นใจว่าเกษตรกรไทยสามารถผลิตป้อนตลาดโลกได้ จึงอยากผนึกกำลังกับภาครัฐและเชฟมิชลินทั่วไทย จัดโรดโชว์ผลผลิตการเกษตรและวัตถุดิบของไทย ในนามทีมไทยแลนด์ เพื่อแนะนำและขยายตลาดสินค้าไทยให้ทั่วโลกรู้จัก พร้อมขับเคลื่อนชื่อเสียงของอาหารไทยติดอันดับ ท็อป5ของโลก ร่วมกับฝรั่งเศส อิตาเลียน จีน และญี่ปุ่น” เชฟชุมพลกล่าว
ด้านร้านอาหารที่ได้รับรางวัล “1ดาวมิชลิน” ประจำปีนี้ทั้งสิ้น24ร้าน แบ่งเป็น20ร้านที่ต่างรักษาสถานะดาวมิชลินเอาไว้ได้ ส่วนอีก4ร้านใหม่ ได้แก่Khao(ข้าว) นำเสนออาหารไทยดั้งเดิม ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่น เป็นเพียงร้านเดียวที่เลื่อนระดับมาจากรางวัลมิชลินเพลท
นอกจากนี้ ยังมีร้านที่ติดอันดับมิชลินไกด์ครั้งแรก แต่เข้ามาคว้า 1 ดาวมิชลินได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น Chef’s Table ร้านอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย,80/20ร้านอาหารไทยร่วมสมัยเชิงนวัตกรรม และTable38 ร้านอาหารสไตล์เชฟส์เทเบิลที่เชฟเป็นผู้กำหนดเมนูและมีที่นั่งจำกัด นำเสนออาหารไทยโบราณและอาหารแนวสตรีทฟู้ดที่ได้รับการตีความใหม่