AOT - ซื้อ
ปรับลดประมาณการกำไรลงอีกรอบ
Event
แนวโน้มธุรกิจ ปรับลดประมาณการกำไรปี FY63-64 และปรับลดราคาเป้าหมาย
lmpact
แนวโน้มผลประกอบการแย่ลงจากการที่ COVID-19 ระบาด
ในปัจจุบัน COVID-19 ได้ระบาดไปทั่วโลกแล้ว และเราคิดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับธุรกิจของ AOT ในปี FY63-64F โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธปท. คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จะลดลงถึง 62% YoY เหลือ 15 ล้านคน ซึ่งเรามองว่าเป็นกรณีเลวร้ายที่สุดn ส่วนมุมมองของเราเห็นว่า
สถานการณ์ดูแย่กว่าที่เราประเมินเอาไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้น บริษัทจึงน่าจะถูกกระทบมากขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวไทยที่ลดลง โดยคาดว่า i) จำนวนผู้โดยสารจะลดลงอย่างมาก (ผู้โดยสารระหว่างประเทศจะลดลง 42% และผู้โดยสารในประเทศจะลดลง 25% ในปี FY63F) ii) รายได้จะลดลง
จากทั้งธุรกิจบริการ ค่าเช่า และสัมปทาน ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในสนามบินทั้งหกแห่งของบริษัท โดยเสนอ i) ให้ส่วนลดค่าธรรมเนียมคงที่รายเดือน 20% ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 – 31 มกราคม 2564 และ ii) ให้ส่วนลดค่าธรรมเนียมที่จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์โดยมีกำหนดส่วนแบ่งรายได้รายเดือน/รายปีขั้นต่ำระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 – 31 มีนาคม 2565 ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี FY63F ลง 34.6% เหลือ 1.59 หมื่นล้านบาท (-36.5% YoY) และปี FY64F ลง 38.7% เหลือ 2.39 หมื่นล้านบาท (+50.2% YoY) นอกจากนี้ ถ้าสมมติ
ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 60% YoY จะทำให้กำไรสุทธิของ AOT ลดลงเหลือ 1.03 หมื่นล้านบาทซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์กำไรสุทธิของเราสำหรับ FY63F ประมาณ 34.8%
แนวโน้มระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง
สำหรับในระยะต่อไป AOT จะรับรู้กระแสรายได้ที่ต่อเนื่องจากส่วนแบ่งรายได้ขั้นต่ำที่ 2.3548 หมื่นล้านบาทต่อปีจาก King Power นาน 10.5 ปี ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2563 เพราะ King Power ได้สัมปทานเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ (ร้านค้าปลอดภาษี และพื้นที่ค้าปลีก) สามสัญญาที่สนามบินสุวรรณภูมิ
และสนามบินในต่างจังหวัด (ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่) ถึงแม้ว่าบริษัทจะเปลี่ยนเงื่อนไขการรับประกันรายได้ขั้นต่ำมาเป็นการจ่ายส่วนแบ่งตามรายได้ที่ได้ แต่ก็เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น เราจึงคาดว่า AOT จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก King Power ตั้งแต่ 2H65 เป็นต้นไป
สถานะทางการเงินยังแข็งแกร่ง แม้เผชิญกับภาวะวิกฤติในปัจจุบัน
เราคาดว่าสถานะทางการเงินสุทธิของบริษัทยังคงเป็นบวก โดย AOT มียอดหนี้รวมที่ต้องชำระในปีนี้แค่ 3.18 พันล้านบาท ในขณะที่มีเงินสด และการลงทุนระยะสั้นรวม 7.59 หมื่นล้านบาท และคาดว่า FCF ในปีนี้จะอยู่ที่ 2.44 หมื่นล้านบาท โดยสรุปแล้ว เราคิดว่าบริษัทมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องต่ำจาก
ผลกระทบของสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมาย DCF ปี FY63 ใหม่ที่ 62.50 บาท (ใช้ WACC ที่ 8% และ terminal growth ที่ 3%) จากเดิมที่ 80.00 บาท เรายังชอบ AOT เนื่องจากกระแสรายได้แข็งแกร่ง และมีส่วนแบ่งตลาดใหญ่ที่สุดในด้านการเดินทางทางอากาศของไทย นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่าราคาหุ้นได้สะท้อนผลกระทบด้านลบจากโรคระบาดไปมาก
Risks
การระบาดของ COVID-19 เศรษฐกิจถดถอย ปัญหาความไม่สงบทางการเมืองไทย หรือ เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่