'ราช กรุ๊ป' ลุ้นปิดดีลเพิ่มกำลังผลิตปีนี้

นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้ยอดการใช้ไฟฟ้าของประเทศลดลง10% แต่เนื่องจากบริษัท มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ในสัดส่วน 80-90% และกำลังผลิตที่เหลือเป็นการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม

โดยปีนี้ บริษัท ยังเดินหน้าแผนการลงทุนตามเป้าหมาย20,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 10,000 ล้านบาทแรก จะใช้สำหรับพัฒนาโครงการลงทุนที่อยู่ในมือ ซึ่งช่วงไตรมาส1/63 ใช้ไปแล้วประมาณ 2,055 ล้านบาท ส่วนอีก 10,000 ล้านบาท จะเป็นการรองรับการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ให้ได้ตามเป้าหมาย 5 โครงการในปีนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 800 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถสรุปข้อตกลงในปีนี้

“ช่วงไตรมาส1 บริษัทปิดดีลM&A ได้แล้ว 2 โครงการ ประเภทโคเจนเนอเรชั่น 2 แห่งในไทย มูลค่าการลงทุนส่วนทุนรวม 888 ล้านบาท คาดว่า ไตรมาส2 จะจบดีลอีก 1-2 โครงการ และไตรมาส3-4 จะปิดดีลอีก 2 โครงการ ซึ่งจะทำได้ตามเป้าหมาย 5 โครงการ และบรรลุเป้าหมายเพิ่มกำลังผลิตในมือแตะ 10,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566”

ปัจจุบัน บริษัท มีกำลังผลิตในมืออยู่ที่ 8,716 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟเข้าระบบ(COD) แล้ว 7,159 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 1,556 เมกะวัตต์

นายกิจจา  กล่าวว่า  ส่วนความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง จ.ราชบุรี กำลังผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้รับการอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA)ทั้งส่วนของโรงไฟฟ้าและท่อก๊าซฯได้ในปีนี้ และขณะนี้ได้เริ่มเจรจาหาผู้รับเหมาก่อสร้าง(EPC)คาดว่าจะจบในต้นปีหน้า หรือ เริ่มการก่อสร้างได้ในปี2564 ซึ่งจะเสร็จตามแผนพร้อมจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบโรงแรกปี2567 และโรงที่สองปี2568 ตามแผน

ส่วนการจัดหาก๊าซฯเพื่อป้อนเป็นเชื้อเพลิงให้โรงไฟฟ้าหินกองนั้น บริษัท ได้ส่งหนังสือขอยืนระยะเวลาลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ(GSA)กับ ปตท.ออกไปก่อน เพื่อเจรจาเงื่อนไขที่ดีที่สุด และยังรอภาครัฐปรับนโยบายเปิดเสรีกิจการก๊าซเต็มรูปแบบ เพื่อหวังเป็นผู้จัดหาและนำเข้าก๊าซฯในต้นทุนที่ถูกลงต่อไป