ครม.อนุมัติการเคหะฯ กู้แก้สภาพคล่อง รับมือผลกระทบโควิด
ครม.ไฟเขียวการเคหะฯ กู้2,000 ล้านบาทบรรเทาการขาดสภาพคล่องให้คลังค้ำประกันเงินต้น-ดอกเบี้ย พร้อมอนุมัติค่าตอบแทนพิเศษจนท.ท้องถิ่น เกือบ700 ล้านบาท
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (23 มิ.ย.) ว่า ครม.เห็นชอบให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) กู้เงินเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องหรือเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไป จำนวน 2,000 ล้านบาท ภายใต้แผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2563 (ปรับปรุงครั้งที่ 1) โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2563
ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติต้องขอกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องเนื่องจากการเคหะแห่งชาติได้ดำเนินการมาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย โดยดำเนินมาตรการช่วยเหลือเป็นเวลา 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย. 2563)หลายมาตรการ ได้แก่ พักชำระหนี้ค่าเช่าซื้อ สำหรับลูกค้าเช่าซื้ออาคาร อาคารพร้อมที่ดิน และที่ดิน (สัญญาเช่าซื้อจะถูกขยายออกไปอีก 3 เดือน)
มาตรการปลอดค่าเช่า สำหรับลูกค้า สัญญาเช่าอาคาร อาคารพร้อมที่ดินและที่ดิน ลูกค้าแผงตลาดรายย่อยที่ทำสัญญาตรงกับการเคหะแห่งชาติ และผู้เช่าที่ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่าเหมาอาคาร และมาตรการลดค่าเช่า 50% สำหรับผู้เช่ารายย่อยในพลาซ่าหรือตลาดเช่าเหมา และ มาตรการพักชำระเงินมัดจำ เงินจอง (เงินดาวน์) สำหรับลูกค้าสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาจอง
“มาตรการช่วยเหลือช่วงโควิดได้ส่งผลกระทบต่อรายได้และสภาพคล่องทางการเงินของการเคหะแห่งชาติเพื่อให้การเคหะแห่งชาติมีสภาพคล่องเพียงพอรองรับการบริหารงานได้อย่างต่อเนื่องจึงมีความจำเป็นต้องกู้เงินดังกล่าว”
ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าครม.ได้มีมติเห็นชอบเพิ่มค่าตอบแทนพิเศษให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ เป็นกรณีพิเศษ ในลักษณะเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน รวมระยะเวลา 7 เดือน จำนวนกว่า 2.9 แสนคน วงเงิน 699 ล้านบาท แหล่งเงินจากงบประมาณรายจ่ายปี 2564 คาดว่าจะเริ่มจัดสรรได้ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2563