สถานการณ์แบงก์ สถานการณ์ประเทศ
หัวใจสำคัญในการรับมือวิกฤติโควิด-19 คือ ระบบการเงิน การลงทุน การซื้อขาย การผลิต กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เดินต่อไปได้ ซึ่งตัวกลางสำคัญคือ ธนาคารพาณิชย์ที่ต้องกล้าปล่อยสินเชื่อ แต่จะมีความกล้าก็ต่อเมื่อสถาบันการเงินต้องมีเงินกองทุนแข็งแกร่งมากพอ
คำเตือนของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ถึงแบงก์พาณิชย์ คือการเตือนภัยล่วงหน้าก่อนที่พายุใหญ่กำลังจะมา สั่งการให้ทุกคนสร้างบ้านให้แข็งแกร่ง เก็บข้าวของในที่ปลอดภัย เพราะหากประเทศปล่อยให้แบงก์เกิดปัญหาขึ้นมา จะกระทบกับภาวะเศรษฐกิจและประเทศชาติโดยตรง
เหตุเพราะว่าสถานการณ์ต่อจากนี้โลกจะเผชิญกับวิกฤติครั้งใหญ่ ธนาคารโลกประเมินว่าจะทรุดหนักสุดในรอบ 150 ปี สำหรับประเทศไทยที่เป็นเพียงอณูเล็กในจักรวาลนี้ ย่อมรับผลกระทบโดยตรง หากตั้งรับจัดการรับมือไม่ดี ทุกประเทศอาจจะเผชิญวิกฤติได้ รวมถึงประเทศไทย ความวิตกกังวลเหล่านี้ คือคำสั่งที่ ธปท.กำชับไปถึงธนาคารพาณิชย์ ให้งดจ่าย “เงินปันผลระหว่างกาล” และ ”งดซื้อหุ้นคืน”เพื่อประคับประคองเงินกองทุน
ธปท.ประเมินว่าเป็นสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงมาก ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจไทย ยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ และจะจบอย่างไร การรักษาภูมิคุ้มกันให้กับระบบเศรษฐกิจและระบบสถาบันการเงินเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยกว่าการรักษาภูมิคุ้มกันให้กับสุขภาพของคนไทยแต่ละคน
ภูมิคุ้มกันที่สำคัญมากอันหนึ่งของธนาคารพาณิชย์ คือ “ระดับเงินกองทุน” ที่เป็นกันชนรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว และความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้เงินกองทุนจะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเมื่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง และเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ช่วงฟื้นฟูอย่างเต็มที่ โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2563 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงหรือ BIS ratio ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยอยู่ที่ 18.7%
เพราะหัวใจสำคัญของการรับมือวิกฤติคือ ระบบการเงิน การลงทุน การซื้อขาย การผลิต กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อไปได้ และตัวกลางสำคัญคือธนาคารพาณิชย์ ที่ต้องกล้าปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้เกิดกิจกรรมเหล่านั้น แต่จะมีความกล้า ก็ต่อเมื่อสถาบันการเงินต้องมีเงินกองทุนแข็งแกร่งมากพอ
ธปท.ใช้คำว่า "ควรจะรักษาระดับเงินกองทุน หรือกันชนของธนาคารพาณิชย์ให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง การขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และงดซื้อหุ้นคืน เป็นมาตรการเพื่อไม่ให้ธนาคารพาณิชย์ “การ์ดตก” ให้รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งต่อเนื่องจนกว่าจะจัดทำแผนบริหารจัดการเงินกองทุนใหม่ได้ชัดเจนขึ้น” ซึ่งมีการประเมินกันว่า ต้องไม่ต่ำกว่า 11.5-12.5% แม้ขั้นต่ำจะกำหนดที่8.5% ก็ตาม
เราเชื่อว่า มาตรการการขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่าย “เงินปันผลระหว่างกาล” และ”งดซื้อหุ้นคืน” นั้น จะกระทบธนาคารพาณิชย์ ในช่วงสั้น แต่จะส่งผลดีในระยะยาว เพราะหากครั้งนี้ แบงก์ละเลย ปล่อยให้เงินกองทุนตัวเองต่ำ จนไม่กล้าไม่ปล่อยกู้ ทุกส่วนจะเผชิญวิกฤติไปด้วยกัน เพราะหากลูกค้ามีปัญหา แบงก์ก็มีปัญหา ช่วงสั้นย่อมกระทบผู้ถือหุ้นบ้าง ที่ไม่ได้รับเงินปันผล หรือราคาหุ้นตกต่ำ แต่ในระยะยาว จะส่งผลดีทั้งสถาบันการเงินและประเทศชาติ เราอยากให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งตระหนักในเรื่องนี้ บทเรียนวิกฤติที่ผ่านๆมาสอนให้เราเห็นแล้วว่า วิกฤติเกิดจากสถาบันการเงิน ครั้งนี้ เราไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น อีก