พี่น้อง ‘องค์โฆษิต’ ทุ่ม370ล้าน ซื้อหุ้น ‘เคซีพี’ ดันราคานิวไฮรอบ3เดือน
เศรษฐกิจไทยปีนี้ทรุดหนักจากการระบาดของโควิด-19 ล่าสุดแบงก์ชาติปรับลดคาดการณ์จีดีพีติดลบถึง 8.1% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สาหัสยิ่งกว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง ขณะที่ไอเอ็มเอฟมองไม่ต่างกันประเมินว่าจะติดลบ 7.7%
แน่นอนว่าเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งของนักลงทุน เพราะสินทรัพย์หลายชนิดราคาปรับลดลง ขณะที่ความผันผวนความเสี่ยงในตลาดมีมากขึ้น นักลงทุนต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนในการใช้จ่าย
แต่สำหรับคนที่เห็นโอกาสแล้ว พร้อมที่จะลงทุนเสมอ เห็นได้จากช่วงนี้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง เดินหน้าซื้อหุ้นตัวเองเก็บเข้าพอร์ตกันอย่างคึกคัก ที่เรียกเสียงฮือฮา! อย่างมากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ต้องยกให้กลุ่ม “องค์โฆษิต” เจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE หลังเข้ามาไล่เก็บหุ้นหลายวันติด
นำทีมโดยซีอีโอหนุ่มและผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของบริษัท “พิธาน องค์โฆษิต” ลูกชายคนกลางของ “บัญชา องค์โฆษิต” ผู้ก่อตั้งบริษัท ซึ่งทุ่มเงินกว่า 273 ล้านบาท ไล่ซื้อหุ้น KCE เมื่อวันที่ 18, 19 และ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา รวม 14.10 ล้านหุ้น ในช่วงราคา 19.30-19.46 บาท หรือ คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 1.2% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
ตามด้วยพี่ชายคนโต “อรรถสิทธิ์ องค์โฆษิต” ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ซื้อหุ้น KCE เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. จำนวน 5 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 19.49 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 97.45 ล้านบาท
การที่สองพี่น้องตระกูล “องค์โฆษิต” ทุ่มเงินซื้อหุ้นรวมกันกว่า 370 ล้านบาท ถือเป็นข่าวบวกช่วยดันราคาหุ้น KCE พุ่งสวนกระดานมาแล้วหลายวัน จุดพลุรายย่อยตามเข้ามาช้อปหุ้นกันอย่างคึกคัก ล่าสุดวานนี้ (25 มิ.ย.) ราคาหุ้นปิดที่ 21.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 1.43% ทำนิวไฮใหม่ในรอบกว่า 3 เดือน
ดูจากกราฟเทคนิคแล้วราคาหุ้น KCE ขณะนี้กลับมาเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน หลังดิ่งลงไปทำจุดต่ำสุดของปีที่ 11.90 บาท เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา และในเดือน มิ.ย. นี้ ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาแล้วถึง 12% หลังการระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มผ่อนคลาย โดยเฉพาะจีนที่ขณะนี้โรงงานผลิตรถยนต์กลับมาเปิดดำเนินการผลิตอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในยุโรปและสหรัฐ ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท ยังไม่สามารถวางใจได้มีโอกาสที่จะเกิดการระบาดรอบใหม่ แต่ล่าสุดมีข่าวดีเข้ามาหลังรัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมนีประกาศบิ๊กแพ็กเกจเตรียมให้เงินสนับสนุนประชาชนสำหรับซื้อรถยนต์ไฟฟ้าวงเงินสูงถึง 8 พันล้านยูโร และ 5 หมื่นล้านยูโร ตามลำดับ เริ่มต้นดีเดย์ตั้งแต่เดือน มิ.ย. นี้ ไปจนถึง ธ.ค. 2564
ถือเป็นข่าวบวกช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังซบเซาหนัก กลับมามีชีวิตชีวามากขึ้น ยิ่งถ้าโควิด-19 คลี่คลายเร็วเท่าไหร่ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก็จะเร็วขึ้นตามไปด้วย โดยปัจจุบันยุโรปถือเป็นลูกค้าหลักอันดับ 1 ของบริษัท มีสัดส่วนรายได้กว่า 50% ของรายได้ทั้งหมด
โดยปี 2562 บริษัทมีรายได้จากการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไปตลาดยุโรปทั้งหมด 191.68 ล้านดอลลาร์ ส่วนไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทำรายได้ไป 50.32 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9.53% จากไตรมาสก่อน
นี่อาจจะเป็นข่าวดีสะท้อนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก และอาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผู้บริหารเข้ามาเก็บหุ้นในช่วงนี้ แต่สุดท้ายแล้วยังไม่สามารถการันตีได้ว่ากำลังซื้อจะกลับมาได้จริงหรือเปล่า ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าตลาดรถยนต์ในอีกหลายประเทศยังซบเซาหนัก และไม่ได้มีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเหมือนฝรั่งเศสและเยอรมนี ดังนั้น ภาพการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์โลกคงเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้หวือหวาร้อนแรง
ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อ KCE มากขึ้น โดยมองว่าในไตรมาส 2 นี้ จะเป็นช่วงของการใช้สินค้าที่เหลืออยู่ในการผลิต และคาดว่าคำสั่งซื้อใหม่จะเริ่มกลับเข้ามาในไตรมาส 3 ปี 2563 หลังโรงงานผลิตจะกลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์โลกปีนี้จะหดตัว 20% แม้ว่าการ Subsidy จะเพิ่มขึ้นเป็น 15% จากเดิม 10% แต่คาดว่าดีมานด์การซื้อรถอีวีมาจากคนที่มีฐานะปานกลางขึ้นไป ขณะเดียวกันคนส่วนใหญ่ยังคงกังวลในฐานะทางการเงินที่ไม่มั่นคงจากสภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มถดถอย