HMPRO - ถือ
ฟื้นตัว
Event
ประชุมนักวิเคราะห์
lmpact
E-commerce และ pent up demand ที่ดีกว่าคาดช่วยหนุนยอดขายใน 2Q63
ถึงแม้ว่า HMPRO จะต้องปิดสาขาชั่วคราว 77 สาขาจากทั้งหมด 107 สาขาในประเทศไทยในช่วงที่มีการใช้มาตรการ lockdown แต่ยอดขายผ่าน E-commerce และอุปสงค์ภายหลังผ่อนคลายมาตรการ lockdown ก็ช่วยบรรเทาผลกระทบ และพยุงให้ SSSG ใน 2Q63 ติดลบ -17% (ทำให้ SSSG ใน 1H63 อยู่ที่ -11.8% ดีกว่าสมมติฐานใน 1H63F ของเราที่ -13.3% และสมมติฐานปี 2563 ของเราที่ -12.9%) ทั้งนี้ ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์คิดเป็น 6% ของยอดขายรวมใน 1H63 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่ 1% และคาดจะทำให้สัดส่วนยอดขายออนไลน์ในปี 2563 อยู่ที่ 3-5% สูงกว่าเป้ าของบริษัทที่ 2-3%
ภาวะตลาดเป็นบวกจากแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรใน 2H63 และปี 2564
เนื่องจากฐานกำไรที่ต่ำใน 1H63 เราคาดกำไรจะโตได้ HoH ใน 2H63 และโตได้ YoY ในปี 2564 SSSG ในเดือนกรกฎาคมเป็นบวก 2-3% จากครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคมที่ +10% และเดือนมิถุนายนที่ +5% ดังนั้น เราคาดว่า SSSG ใน 2H63 น่าจะทรงตัวหรือติดลบเล็กน้อย เราปรับสมมติฐานดังนี้ i) ปรับ SSSG ปี 2563 จาก -12.9% เหลือ -6.0% และ ii) ปรับอัตรากำไรขั้นต้นปี 2563 ลง 0.1ppts เพื่อสะท้อนถึงสัดส่วนยอดขายออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อบวกกับประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น อย่างเช่น การบริหารจัดการสินค้าคงคลังทำให้ EBIT margin เพิ่มขึ้นอีก 0.5ppts ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-64 ขึ้นอีก ~13%
กำหนด PER แบบมี Premium
เราประเมินมูลค่าเหมาะสมของ HMPRO โดยใช้ PER เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการ โดยใช้ PER ที่ 36.0X (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง +1.0 S.D.) premium เล็กน้อยจาก PER ของ GLOBAL ที่ 34.0X (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง +0.5 S.D.) และของ DOHOME ที่ 32.0X (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง +1.5
S.D.) เราคิดว่า HMPRO ควรจะมี premium เนื่องจาก i) อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ ~26% สูงกว่าของ GLOBAL ที่ 21% และของ DOHOME ที่ 16% ii) ROE อยู่ที่ 30% สูงกว่าของ GLOBAL ที่ 14% และ ของ DOHOME ที่ 13% และ iii) มีหนี้ต่ำกว่า โดยสัดส่วนหนี้ที่ภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ที่ 0.5X ต่ำกว่าของ GLOBAL ที่ 0.9X และของ DOHOME ที่ 1.4X
Valuation & Action
เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 ที่ 17.70 บาท อิงจาก PER ที่ 36.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีต +1.0 S.D.) ซึ่งสูงกว่าราคาเป้าหมายที่คำนวณโดยวิธี DCF ที่ 16.20 บาท ทั้งนี้ เนื่องจากยังเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของเราอีก 9.9% เราจึงคงคำแนะนำ "ถือ" แต่อย่างไรก็ตาม เราแนะนำให้ซื้อเมื่ออ่อนตัวเพื่อเก็งกำไรในธีมการฟื้นตัวของผลประกอบการ
Risks
เศรษฐกิจชะลอตัวลง เกิด disruption จากเทคนโนโลยีใหม่ สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ขยายสาขาได้ช้ากว่าที่คาดไว้