เมื่อ ‘ทรัมป์’ เอ่ยชื่อ ‘ไทย’ ผู้ส่งออกควรเฝ้าระวัง
ถึงเวลาที่ไทยต้องเกาะติดนโยบายการค้าจากสหรัฐ หลังจากเริ่มหันสปอตไลท์มาแล้ว โดยเมื่อเร็วๆ นี้ "ทรัมป์" ได้กล่าวถึงไทยและเวียดนามว่าเป็นมิตรกับสหรัฐ ขณะเดียวกันได้ตอบคำถามอย่างชัดเจนถึงว่าทั้ง 2 ประเทศได้ประโยชน์จากสหรัฐหรือไม่? ...“คงไม่อีกต่อไปแล้ว”
ผู้ส่งออกไทย “สะดุ้ง” อีกครั้ง เมื่อประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ของสหรัฐ เอ่ยชื่อประเทศ “ไทย” และ “เวียดนาม” ในระหว่างที่เขาลงพื้นที่เมืองไคลด์ ในรัฐโอไฮโอ เพื่อเยี่ยมชมโรงงานของ บริษัท เวิร์ลพูล ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย “ทรัมป์” ได้กล่าวปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลวอชิงตันในการฟื้นฟูภาคการผลิตและกระตุ้นการส่งออก ซึ่ง “ทรัมป์” พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า คู่แข่งของ “เวิร์ดพูล” ไม่ต้องการแข่งขันบนพื้นฐานของความเท่าเทียม และหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ โดยการย้ายสายการผลิตไปยัง “ไทย” และ “เวียดนาม”
นอกจากนี้ “ทรัมป์” ยังบอกด้วยว่า ทั้ง “ไทย” และ “เวียดนาม” ถือเป็นมิตรกับสหรัฐ แต่ถามว่าทั้ง 2 ประเทศได้ประโยชน์จาก “สหรัฐ” หรือไม่ “ทรัมป์” ย้ำว่า “Not so much anymore” พูดกันแบบชัดๆ ก็คือ “คงไม่อีกต่อไปแล้ว” ...เรื่องนี้ในมุมการค้าระหว่างประเทศ เราเชื่อว่า ประโยคที่ทรัมป์เอ่ยออกมา “มีนัยสำคัญ” อย่างแน่นอน แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้ขยายความใดๆ เพิ่มเติมในระหว่างขึ้นกล่าวปราศรัยที่รัฐโอไฮโอ
คงยังไม่ลืมว่า “เป้าหมายใหญ่” ของ “สหรัฐ” ในเวลานี้ คือ ลดการ “ขาดดุลการค้า” กับประเทศต่างๆ ลง โดยเฉพาะกับ “จีน” ซึ่งล่าสุดทั้ง 2 ประเทศ ได้บรรลุข้อตกลงการค้าใน “เฟสแรก” เมื่อช่วงต้นปี 2563 และเตรียมจะหารือเพื่อประเมินผลของข้อตกลงที่ได้ทำกันไว้ในวันที่ 15 ส.ค.นี้ โดยหลายปีที่ผ่านมา “สหรัฐ” ขาดดุลการค้ากับ “จีน” ตกปีละ 4-5 แสนล้านดอลลาร์ ในขณะที่ “ไทย” และ “เวียดนาม” ก็ไม่ใช่น้อย เพราะเป็น 2 ประเทศที่ “เกินดุลการค้า” กับสหรัฐมาโดยตลอด แม้จะไม่ได้มากเท่ากับจีนก็ตาม
ถ้าดูตัวเลขที่ “สหรัฐ” ขาดดุลการค้ากับประเทศต่างๆ “เวียดนาม” น่าจะหนักกว่า “ไทย” โดยในปี 2562 เวียดนามเกินดุลการค้ากับสหรัฐสูงถึง 5.57 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนช่วง 6 เดือนแรกปี 2563 เวียดนามยังคงเกินดุลการค้ากับสหรัฐสูงถึง 2.79 หมื่นล้านดอลลาร์ อีกทั้ง “เวียดนาม” ยังมีรายชื่อติดเป็น 1 ในประเทศที่ สหรัฐ “เฝ้าจับตาดู” ตามรายงานประเทศที่ “ปั่นค่าเงิน” เพื่อหวังผลทางการค้ากับสหรัฐ
ส่วนของ “ไทย” ในปี 2562 เกินดุลการค้ากับสหรัฐราว 2.01 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกปี 2563 ไทยยังคงเกินดุลการค้ากับสหรัฐที่ราวๆ 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งไทยถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกสหรัฐใส่ชื่อไว้ในบัญชีประเทศ “ปั่นค่าเงิน” เช่นกัน
คำกล่าวของ “ทรัมป์” ในครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางการเตรียมย้ายฐานการผลิตของหลายๆ ธุรกิจ จากหลายๆ ประเทศ เพื่อออกจากจีน อันเนื่องมาจากผลของสงครามการค้า และซ้ำเติมด้วยพิษจากโรคโควิด ทำให้ “นักธุรกิจ” เริ่มคิดว่า การกระจายฐานผลิตไปยังหลายๆ ประเทศน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าการพึ่งพาจีนเพียงประเทศเดียว แน่นอนว่าประเทศเป้าหมายที่ภาคธุรกิจเหล่านี้สนใจเข้าลงทุนมีทั้ง “ไทย” และ “เวียดนาม” รวมอยู่ด้วย ...เราเชื่อว่า “สหรัฐ” มีข้อมูลนี้ดี และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ “ทรัมป์” เอ่ยชื่อไทยและเวียดนามออกมา เราเห็นว่าหลังจากนี้ “ไทย” ควรต้องเกาะติดนโยบายการค้าจากสหรัฐแบบใกล้ชิดมากขึ้น เพราะดูเหมือนว่าเวลานี้ “สหรัฐ” ได้หันสปอตไลท์มาบ้านเราแล้ว