AOT - ซื้อ
หนี่ห่าว ไทยแลนด์
ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ พร้อมราคาเป้าหมายใหม่ที่ Bt70 ในขณะที่เราคาดว่า AOT จะมีผลการดำเนินงานเป็นขาดทุนในปี FY21 และฟื้นตัวในปี FY22 เป็นต้นไปที่ได้รับแรงหนุนจาก pent-up demand ของนักท่องเที่ยวในตลาดบินระยะสั้น (short-haul) โดยเฉพาะจีน ดังนั้นเราปรับกำไรปี FY23-FY30 ราว 4-9% จากการปรับจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าเพิ่มขึ้น
การฟื้นของนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ผู้โดยสารขาเข้าฟื้นตัวแบบ V-shape ใน FY22
เราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าในปี FY22 จะถึงระดับ 40m จาก 13.7 m ในปี FY21 ซึ่งนำโดยการฟื้นตัวของตลาดบินระยะสั้น เช่น จีน เราเห็นจีนเป็นประเทศแรกที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากวิกฤต COVID-19 ซึ่งน่าจะส่งผลให้ความต้องการการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เหตุผลสนับสนุนแนวคิดนี้ หลักสามประการคือ 1) เที่ยวบินภายในประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าระดับก่อน COVID ราว 6-10% ในเดือน ส.ค. 2) อัตราการเข้าพักโรงแรมของจีนยังมากกว่าโรงแรมทั่วโลก โดยแตะระดับเกือบ 70% ในส.ค.เทียบกับ 40% ของโรงแรมทั่วโลก 3) ยอดขายสินค้าปลอดภาษีใน Hainan เพิ่มขึ้น 100% yoy ในเดือนก.ค. - ส.ค. ซึ่งบ่งชี้ความต้องการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยว รายได้ที่มั่นคงและผู้บริโภคมั่นใจของผู้บริโภคชาวจีน
ขาดทุนระยะสั้นใน FY21, แต่การเติบโตของกำไรจะรวดเร็วในปี FY23 เป็นต้นไป
ในขณะที่เราคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานปี FY21 จะเป็นขาดทุนเนื่องจากความล่าช้าในการเปิดประเทศ (จาก ก.ย.-20 ไปเป็น มี.ค.-21) เราคาดว่า AOT จะสามารถสร้างการเติบโตของกำไรปกติ 22% ต่อปี CAGR ในช่วงปี FY22-25F จากการฟื้นตัวของความต้องการการท่องเที่ยวนำโดยนักท่องเที่ยวจีนในยุคหลัง Covid
ปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ พร้อมราคาเป้าหมายใหม่ที่ Bt70/share
จากเรารวมปัจจัยการปรับคาดการณ์กำไรและ WACC ใหม่ เราจึงปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่ Bt70/sh (+25%) จาก Bt56/sh มองข้ามยุค COVID-19 ไปเราเชื่อว่าพัฒนาการของวัคซีน และการปรับราคาเป้าหมายเป็นปี 2021 รวมถึงความต้องการการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งนำโดยนักท่องเที่ยวจีน จะเป็นปัจจัยกระตุ้นเชิงบวกสำหรับ AOT เราเชื่อว่า AOT เป็นหุ้นที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในธีมการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว ไม่เพียงแต่ผูกขาดพื้นที่สนามบินที่สำคัญในประเทศไทย แต่ยังได้รับประโยชน์จากกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวไทยที่เพิ่มขึ้นทำให้การเติบโตของรายได้จากสัมปทานสูงขึ้น เราปรับคำแนะนำของ AOT ขึ้นเป็น ซื้อ