NVD แจ้งการซื้อ-ขายหุ้นระหว่างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยังไร้ข้อสรุป
บริษัทแจ้งยังต้องรอความชัดเจนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งสองกลุ่มกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรมซื้อขายหุ้น พร้อมกับรับแจ้งจากสถาบันการเงินกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเงินกู้ คาดน่าจะสามารถแจ้งผลการพิจารณาได้ในช่วงเดือน ธันวาคม 2563 ถึงเดือนมกราคม 2564 เพื่อป้องกันความเสียหายกับผู้ถือหุ้นที่
บริษัทเนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ว่า การซื้อ-ขายหุ้นระหว่างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ยังไม่มีข้อสรุป ตาม ที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 2 กลุ่ม ได้แก่ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ("สิงห์เอสเตท") และ กลุ่มสมวัฒนาได้เข้าทำบันทึกข้อตกลงซื้อ-ชายหุ้นระหว่างกัน ("บันกข้อตกลง" โดยวิธีการประมูลเสนอราคาลับ และจากผลการประมูลดังกล่าวได้ข้อสรุปว่ากลุ่มสมวัฒนาจะเข้าซื้อหุ้นจำนวน 711,855,320 หุ้นคิดเป็น สัดส่วนร้อยละ 51.56 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ จาก สิงห์ เอสเตท ในราคา 2.52 บาทต่อหุ้น รวมถึงจะมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ (Tender Offer) ต่อไปภายหลังการเข้าทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นแล้วเสร็จ
ในการนี้ เนื่องจาก "ธุรกรรมซื้อขายหุ้น" ดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้น และอำนาจในการควบคุมบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ จึงได้เร่งดำเนินการเพื่อขอความยินยอมจากบรรดาสถาบันการเงินผู้ให้กู้ของบริษัทฯ ตามหน้าที่ที่ระบุในข้อกำหนดของสัญญาที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท โดยบริษัทฯ ได้รับแจ้งจากสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องว่า ขณะนี้ สถาบันการเงินกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อให้ความยินยอมดังกล่าว โดยน่าจะสามารถแจ้งผลการพิจารณาได้ในช่วงเดือน ธันวาคม2563 ถึงเดือนมกราคม 2564
ด้วยเหตุนี้ คณะกรรการบริษัทฯ จึงได้จัดให้มีการประชุมในวันที่ 17 ธันวาคม 2563 เพื่อรับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับการขอความยิยอมจากสถาบันการงิน และมีมติเห็นควรให้มีหนังสือแจ้งความคืบหน้าดังกล่าวให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งสองทราบโดยทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม บริษัทฯ มีหน้าที่ภายใต้สัญญาทางการเงินกับสถาบันการเงินหลายแห่งซึ่งกำหนดให้บริษัทฯ ต้องได้รับความยินยอมจากสถาบันการเงินเหล่านั้นก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างการถือหุ้นและอำนาจในการควบคุมบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น หากผู้ถือหุ้นทั้งสองกลุ่ม เข้าทำ"ธุรกรรมซื้อขายหุ้น" ตาม "บันทึกข้อตกลง" ข้างต้น ก่อนที่บริษัทฯ จะได้รับความยินยอมจากสถาบันการเงิน ก็อาจส่งผลกระทบในทางลบแก่บริษัทฯ ภายใต้สัญญาทางการงินดังกล่าวได้
ทั้งนี้ คณะกรรมควรบริษัทฯ ตระหนักดีว่าบริษัทฯ มิได้เป็นคู่สัญญาตาม "บันทึกข้อตกลง" จึงไม่มีสิทธิและหน้าที่ตาม"บันทึกข้อตกลง" ต่อคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย รวมถึงไม่มีสิทธิห้ามหรือยับยั้งคู่สัญญาไม่ให้ดำเนิน "ธุรกรรมซื้อขายหุ้น" ตาม "บันทึกข้อตกลง" ดังกล่าวได้
ดังนั้น บริษัท จึงยังไม่มีข้อสรุปใดๆ และยังต้องรอความชัดเจนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งสองกลุ่มกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรมซื้อขายหุ้น รวมถึงการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ ดังนั้น บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติโดยที่มิได้ผิเดงื่อนไขในสัญญาเงินกู้กับสถาบันการงินใดๆ