ปตท.เดินหน้าแผนลงทุนปีหน้า 2.4 แสนล้าน เมินผลกระทบโควิด
ปตท. ยันธุรกิจเดินหน้าต่อได้ นำบทเรียนโควิดรอบแรกมาใช้พร้อมดึงเทคโนโลยีรวมปฎิบัติงานลดโอกาสแพร่โรค รับจับตาล็อกดาวน์ห่วงกระทบแผนจ้างงานใหม่ เริ่มแล้ว ยกระดับมาตรการรับมือโควิด-19 รอบใหม่ สั่งพนักงาน Work@Home สัดส่วน 50% เริ่ม 24 ธ.ค.นี้
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า วานนี้(23ธ.ค.) กลุ่ม ปตท. ได้เรียกประชุมศูนย์พลังใจ หรือ ศูนย์ติดตามและเฝ้าระวังกรณีโรคอุบัติใหม่(COVID-19) เพื่อติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสาร หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยรอบใหม่
โดยอนุมัติให้พนักงาน Work@Home หรือเข้าปฏิบัติงานไม่เกิน 50% เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.นี้ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่นี้ กลุ่มปตท.จะสามารถรับมือและขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้ เพราะมีประสบการณ์จากการระบาดในรอบแรก ที่พิสูจน์แล้วว่ากระบวนการดำเนินงานของกลุ่มยังสามารถทำได้ตามปกติและเต็มที่ ฉะนั้นในรอบนี้ก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา แต่ก็ต้องรอติดตามนโยบายหรือมาตรการของภาครัฐที่จะออกมาด้วย
โดยจะเห็นว่าในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีมาตรการเข้มข้น และปตท.เองก็เข้มมาตรการป้องกันความปลอดภัยสอดรับกับมาตรการของภาครัฐเช่นกัน ทำให้ธุรกิจในกลุ่มปตท.ยังเติบโตได้ ดังนั้นในรอบใหม่นี้ ก็เชื่อว่าการขับเคลื่อนธุรกิจยังเดินหน้าได้ตามแผนงาน และจะพิจารณาว่า ในภาคส่วนใดที่สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยได้ ก็จะใช้มากขึ้น เพื่อลดการเดินทางของพนักงานและเพิ่มความคล่องตัวในการติดต่อสื่อ การทำธุรกรรมต่างๆ เพื่อลดความจากการแพร่ระบาด
ส่วนแนวทางการรับมือของแต่ละบริษัทในเครือ ปตท. ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละบริษัท ที่จะมีแนวทางแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของแต่ละธุรกิจ แต่คงจะยกระดับความปลอดภัยเพิ่มขึ้นแน่นอน
ทั้งนี้ ในโอกาสการจัดกิจกรรม PTT Group CG Day 2020 ภายใต้แนวคิด “Step to the Future: โลกยุคใหม่ในแบบ CG” เพื่อแสดงออกถึงความสามารถในการปรับตัวการดำเนินธุรกิจภายใต้ปัจจัยการเปลี่ยนแปลงจากการถูก Disrupt โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา กลุ่มปตท.ให้ความสำคัญกับการดูแลและช่วยสังคม “สานพลังใจสู้ภัยโควิด-19” ร่วมเป็นวงเงิน 851 ล้านบาท สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ บริจาคและลดค่าใช้จ่ายประชาชนด้านพลังงาน ซึ่งในระยะต่อไป ก็อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะจัดทำโครงการหรือแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมอย่างไร
อีกทั้งที่ผ่านมาก็ได้ประกาศกระตุ้นการจ้างงานในประเทศ เพื่อสร้างงานนักศึกษาจบใหม่และผู้ตกงาน รวม 25,828 อัตราในช่วงปี 2563-2564 ส่วนในอนาคตจะมีการจ้างเพิ่มหรือไม่ ยังต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง เพราะหากมีการประกาศล็อกดาวน์รอบใหม่ ก็ต้องพิจารณาว่า จ้างงานแล้วจะสามารถลงไปปฏิบัติงานได้หรือไม่ หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็ยังไม่เกิดประโยชน์
นายอรรพล กล่าวก่อนหน้านี้ว่า สำหรับปีหน้า กลุ่มลงทุน 244,000 ล้านบาท และ 5 ปี ข้างหน้า กลุ่ม ปตท. ลงทุน 815,000 ล้านบาท กลุ่ม โรงแยกก๊าซแห่งใหม่ โครงการ LNG โครงการมาบตาพุดเฟส 3 จะเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ปตท.ยังจะเดินหน้าการลงทุนใหม่ และเสริม New S-Curve ของประเทศใน 6 เรื่อง เช่น พลังงานสะอาด ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ โลจิสติกส์ รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจใหม่