โควิดป่วนท่องเที่ยวไทยผิดแผน! ‘พิพัฒน์’ นับหนึ่งฟื้นภาพความปลอดภัย
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศยังไม่คลี่คลาย จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังพุ่งสูงต่อเนื่อง ทั้งยอดติดเชื้อของคนในประเทศ และยอดติดเชื้อในแรงงานต่างด้าวจากการคัดกรองเชิงรุก สร้างความกังวลต่อผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
ทำให้ภาคการท่องเที่ยวต้องชะลอตัวไปชั่วขณะรับศักราชใหม่ 2564
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า แม้จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่ตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค.2563 ส่งผลกระทบต่อแผนกระตุ้นภาคท่องเที่ยวไทยปี 2564 ทำให้ทุกอย่าง “ผิดแผน” ตั้งแต่ต้นปี! แต่กระทรวงการท่องเที่ยวฯยังเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะกลับมาเป็น “จุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย” สำหรับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติได้อีกครั้ง ด้วยความมั่นใจในมาตรฐานด้านสาธารณสุข ผนึกกับความร่วมมือและมีวินัยในการป้องกันโรคของคนไทย และการคัดกรองตรวจหาเชื้อโควิดเชิงรุกในกลุ่มแรงงานต่างด้าวซึ่งคาดว่าจะปิดจุดบอดนี้ได้ในเดือน ก.พ.นี้
“แม้จะต้องกลับมานับหนึ่งใหม่อีกครั้ง แต่ด้วยประสบการณ์การรับมือโควิด-19 ตั้งแต่รอบแรกของบุคลากรทางการแพทย์ไทย จึงคาดว่าการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโควิดจะจบภายใน 2 เดือนนับจากนี้ กล่าวคือสามารถควบคุมได้ภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ และรอระยะปลอดเชื้อไปอีก 28 วันซึ่งต้องไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม ก็จะจบได้ในเดือน ก.พ.นี้ ถือว่าเร็วกว่าการระบาดรอบแรกที่ต้องใช้เวลากว่า 3 เดือนถึงจะหยุดการระบาดได้”
และเมื่อเริ่มเห็นตลาดไทยเที่ยวไทยกลับมาเดินทางอีกครั้งในเดือน มี.ค.2564 กระทรวงการท่องเที่ยวฯคาดการณ์ว่าตลอดปี 2564 จะมีตลาดไทยเที่ยวไทยออกเดินทางจำนวน 100-150 ล้านคน-ครั้ง ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะพยายามไปให้ถึง ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดเดินทางเข้ามาจำนวน 5-10 ล้านคน
“หากสถานการณ์การระบาดรอบใหม่คลี่คลายในไตรมาส 1 ปีนี้ตามความคาดหวัง ไร้แรงกระเพื่อม ประกอบกับเริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในต่างประเทศ และในไทยซึ่งจะเริ่มทยอยฉีดในเดือน ก.พ.นี้ จำนวน 2 แสนโดส, เดือน มี.ค. 8 แสนโดส, เดือน เม.ย. 1 ล้านโดส และจะถูกฉีดแก่ประชาชนมากขึ้นในเดือน พ.ค.-มิ.ย.2564 ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเดินทางเข้าไทยในช่วงไตรมาส 2 นี้ แต่อาจไม่ทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ตามแผนเดิมที่วางไว้”
ทั้งนี้มองว่าเมื่อทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ประเทศไทยจะสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้ง่ายขึ้น เพราะมีการอำนวยความสะดวกในการออกวีซ่าประเภทต่างๆ อาทิ การยกเว้นวีซ่า ผ.30 แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางของ 56 ประเทศที่ได้รับสิทธิ ผ.30 สามารถขอผ่อนผันเข้ามาพำนักในราชอาณาจักรไทยได้ 30 วันโดยไม่ต้องใช้วีซ่า ซึ่งรัฐบาลไทยได้กลับมาผ่อนผันเมื่อเดือน ธ.ค.2563 และไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูง กลาง หรือต่ำ แต่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังต้องเข้ารับการกักตัว 14 วัน และก่อนเดินทางเข้าไทยจะมีการพิจารณาหลักฐานเอกสารต่างๆ เช่น เอกสารยืนยันว่าได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแล้ว หรือใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อโควิดเป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมงล่วงหน้าก่อนเดินทาง
นอกจากนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ว่าถ้าการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโควิดจบลง เป็นไปได้ไหมที่ สธ.และ ศบค.จะอนุญาตให้มี “Area Quarantine” หรือการให้ชาวต่างชาติเข้ามากักตัวภายในบริเวณโรงแรม โดยไม่ได้จำกัดให้อยู่เฉพาะภายในห้องพักเท่านั้น เหมือนแนวคิดเดียวกับ Golf Quarantine ที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามากักตัวในบริเวณสนามกอล์ฟได้
พิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รอบใหม่จะมีการเยียวยาออกมาอย่างไรนั้น ต้องบอกว่าเร็วเกินไปที่จะตอบว่ามีมาตรการอะไรบ้าง ซึ่งต้องรอท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าจะมีอะไรออกมาเพิ่มเติมหลังจากนี้
“คาดว่าจะมีความชัดเจนออกมาหลังจากมีการประชุมคณะรัฐมนตรีในนัดต่อไป หากเกิดกรณีที่มีการระบาดขั้นรุนแรงมากกว่าปัจจุบัน รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมในการรับมือและช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบไว้อยู่แล้ว”