IRPC - ถือ

IRPC - ถือ

ส่วนต่างปิโตรอ่อนแอ

เป้าหมาย IRPC ที่จะสร้าง EBITDA 2 หมื่นลบ. ต่อปีใน 2022-25 (EBITDA 5.9พันลบ./4.7พันลบ. ใน 2019/20) ค่อนข้างท้าทาย โดยไม่ได้จัดสรรงบลงทุน (CAPEX) สำหรับการขยายกำลังการผลิต กำลังการผลิต PE, PP ใหม่ในตลาดทำให้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมลดลงในปี 2021-22 แต่ ABS จะมีความต้องการที่แข้งแกร่งใน 2021 ไปจนถึง 2024 คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 3.80บาทต่อหุ้น เทียบเท่า 1.0x FY21F PBV และ 5.6% ROE

 

ความมุ่งมั่นที่ท้าทาย

CEO ใหม่ คุณชวลิต เน้นจุดอ่อนปี 2020 และแผนแก้ประเด็นเหล่านี้ และเพิ่ม EBITDA สู่ระดับ 2.0 หมื่นลบ. ต่อปีช่วง 2022-25 ปัจจุบัน 13% ของผลผลิต IRPC เป็นเกรดเฉพาะและอีก 42% เป็นเกรด commodity plus โดยบริษัทต้องการเพิ่มผลผลิตเกรดเฉพาะสู่ระดับ 30% ของพอร์ตและคงเกรด commodity plus ที่ 42% ในปี 2024 ช่วยเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ขึ้นสู่ Euro V ลดความเสียหายจากการปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, การลดต้นทุน, และการซินเนอร์ยี อ้างอิงจากงบลงทุน 3.6 หมื่นลบ. ใน 2021-25 39% จัดสรรไปยังโครงการ Euro V, 24% ไปยังการซ่อมบำรุง, และ 37% สำหรับปิดซ่อมพัฒนาโรงงาน และไม่มีการจัดสรรงบลงทุนไปยังการขยายกำลังการผลิต เรามองว่าเป้าหมาย EBITDA ของ IRPC ค่อนข้างท้าทาย

 

กำลังการผลิต PE, PP จะทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง

PE และ PP ได้รับผลกระทบจากกำลังการผลิตใหม่ใน 2021-22 ซึ่งอัตราการใช้การผลิตของอุตสาหกรรมจะลดลง 3ppt yoy สู่ 81% สำหรับ PE และ 2ppt สู่ 82% สำหรับ PP ในปีนี้ อัตราการผลิต PE จะลดลงต่อในปี 2022 อีก 1ppt สู่ระดับ 80% แต่การผลิต PP จะทรงตัวที่ 82% อัตราการใช้การผลิตจะฟื้นตัวในปี 2023 เป็นต้นไป แต่ ABS มีความต้องการแข็งแกร่งถึง 2024 จากการฟื้นตัวของอิเลคโทรนิคส์ทั่วโลก และการผลิตยานยนต์ การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตใหม่ที่จำกัด PE, PP และ ABS คิดเป็น 10%, 55% และ 13% ของผลผลิต IRPC

 

คงคำแนะนำ ถือ, 3.80 บาทต่อหุ้น

คาดการดำเนินงานจะฟื้นตัวในปีนี้จากการฟื้นตัวของค่าการกลั่นตลาดและส่วนต่างปิโตรฯที่ดี ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะทำให้เกิดกำไรสต๊อกที่ดีใน 1Q21 แต่การดำเนินงานจะอ่อนแอลงใน 2H21 จากกำลังการผลิตใหม่เริ่มเข้าสู่ตลาด เราคงคำแนะนำ ถือ 3.80 บาทต่อหุ้น และเราชอบ TOP สำหรับโรงกลั่นและ IVL สำหรับลงทุนปิโตรเคมี