กรมเชื้อเพลิงฯ แจงไม่ได้นิ่งนอนใจ กรณี ปตท.สผ.เข้าแหล่งเอราวัณ ล่าช้า
กรมเชื้อเพลิงฯ ห่วง ปตท.สผ. เข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณล่าช้า กระทบต้นทุนค่าไฟ เหตุกำลังการผลิตก๊าซฯขาดความต่อเนื่อง ย้ำพร้อมเป็นตัวกลาง เร่งเจรจาร่วมระหว่างปตท.สผ.กับ เชฟรอนฯ
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยถึงที่บริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ฯ ในฐานะผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือ PSC ในแปลง G1/61 (แหล่งกลุ่มเอราวัณเดิม) อาจเข้าพื้นที่ล่าช้า และเป็นสาเหตุสำคัญที่อาจจะกระทบต่อค่าไฟฟ้าแพงขึ้นนั้น
ทางกรมเชื้อเพลิงฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเรื่องดังกล่าว ทั้งเร่งประสานให้ทั้ง 2 ฝ่ายให้มีการเจรจาโดยเร็วที่สุด และขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมว่าการเข้าพื้นที่ล่าช้าดังกล่าว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นที่อยู่ในกระบวนการระงับข้อพิพาท โดยอนุญาโตตุลาการ เพราะเรื่องดังกล่าวก็เป็นไปตามกระบวนการทางข้อกฎหมาย ซึ่งอาจมีความเห็นไม่ตรงกันได้และสามารถเกิดขึ้นได้โดยทั่วไปแล้วแต่กรณี
แต่การเข้าพื้นที่ของผู้รับสัญญารายใหม่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition period) นั้น เป็นความจำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมืออย่างเร่งด่วนและจริงใจของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งรายปัจจุบันและรายใหม่ที่จะเข้ามาดำเนินการ เพื่อการบริหารพลังงานของประเทศจะไม่มีการสะดุด และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน
“ทางกระทรวงพลังงาน โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะพยายามเร่งให้ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจาหารือโดยเร็วที่สุด เพราะเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายต้องยึดประโยชน์ของคนไทยเป็นหลัก”
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีข้อกังวลว่า หากกลุ่มปตท.สผ.เข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณล่าช้า อาจจะกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้า ก็เป็นผลสืบเนื่องจากกรณีการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งกลุ่มเอราวัณที่การผลิตอาจจะไม่ต่อเนื่องหลังสัมปทานสิ้นอายุในปี พ.ศ. 2565 ซึ่งกรณีดังกล่าวมีสาเหตุเนื่องมาจากปัจจุบันมีความล่าช้าในการเจรจาหารือในการเข้าพื้นที่ระหว่าง บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด (ในฐานะผู้รับสัมปทานปัจจุบัน) กับบริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ฯ ในฐานะผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือ PSC ในแปลง G1/61 (แหล่งกลุ่มเอราวัณเดิม) เพื่อขอเข้าพื้นที่และเตรียมการดำเนินการต่าง ๆ ในช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition period) จากระบบสัมปทานที่จะสิ้นสุดระยะเวลาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 ซึ่งบริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ฯ ในฐานะผู้ดำเนินงานรายใหม่จะต้องเริ่มดำเนินการต่อเพื่อให้มีความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติให้สามารถรักษาระดับการผลิตก๊าซธรรมชาติได้ตามเป้าหมาย วันละ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต