Investment Strategy (18 มี.ค.64)

Investment Strategy (18 มี.ค.64)

การเมืองในเมียนมาร์อาจมีผลต่อหุ้นหลายตัว

  • What’s new

ตั้งแต่ต้น ก.พ. 2021, กองทัพเมียนมาร์ได้ทำปฏิวัติหลังพรรค NLD (นางออง ซาน ซู จี) ขนะการเลือกตั้งและได้รับเสียงส่วนใหญ่ และประกาศกฏอัยการศึก, ซึ่งทำให้เกิดความไม่สงบในหลายพื้นที่ของเมียนมาร์ โดยเฉพาะเมืองย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ โดยมีผู้ชุมนุมออกมาประท้วงตามท้องถนน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบ มีรายงานว่าจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นสู่ 149 รายในระยะเวลาเพียงเดือนครึ่งหลังการปฏิวัติ ขณะเดียวกันกองทัพ KIA (กองทัพคะฉิ่นอิสระ) ได้โจมตีค่ายทหารในเมืองแซซิน ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองซับซ้อนขึ้นไปอีก

 

  • Analysis

จากธรรมชาติการเมืองเมียนมาร์ทีมีความผันผวนสูงหลังเป็นประเทศอิสระตั้งแต่ปี 1948, กองทัพคณะผู้ยึดอำนาจเป็นผู้ควบคุมประเทศตั้งแต่ปี 1962 ซึ่งเป็นช่วงที่ระบบปกครองพรรคเดียวได้เริ่มขึ้น ต่อมาพรรค NLD (National League for Democracy) ชนะการเลือกตั้งใน 1990 แต่กองทัพไม่สนใจผลการเลือกตั้ง และในปี 2015 พรรค NLD ได้คะแนนเสียงในรัฐสภามากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลใน 2015 และทังสองฝ่ายพยายามพยายามฟื้นความสัมพันธ์กัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะป้องกันการปฏิวัติในปี 2021 สถานการณ์อาจมีความซับซ้อนมากขึ้นเมื่อ KIA พยายามโจมตีกองทัพเมียนมาร์เพื่อแสดงการสนับสนุนผู้ประท้วง

 

หุ้นไทยหลายบริษัทมีผลประโยชน์ (รายได้และการดำเนินงาน) ในเมียนมาร์ – PTTEP, SCC, CBG, OSP, MAKRO และ GLOBAL อย่างไรก็ตามหุ้นเหล่านี้มีสัดส่วนรายได้จากเมียนมาร์ต่ำ โดย CBG มีสัดส่วนสูงที่สุดในตอนนี้ที่ 10%

 

ในอีกแง่นึง ความไม่สงบทางการเมืองของเมียนมาร์อาจทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายทรัพยากร, แรงงานและผลประโยชน์ อ้างอิงจากสงครามกลางเมืองทั่วโลกในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา (ของเมียนมาร์กำลังจะเกิดขึ้น), ราว 7-40% ของประชากรอพยพออกจากประเทศที่เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น และหากสถานการณ์ในเมียนมาร์เลวร้ายลงอีก เราคาดว่าจะมีแรงงานรอเข้าประเทศไทยมากขึ้นเมื่อมีการเปิดชายแดน ซึงจะหนุนการบริโภคภายในประเทศ – กลุ่มที่ได้ประโยชน์ พาณิชย์ (CPALL, BJC, MAKRO) และ ICT (DTAC, ADVANC)