'พีทีจี' รุกธุรกิจแอลพีจี ดันขึ้นแท่นเบอร์ 3 ใน 5 ปี

ธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG)สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงภาคยานยนต์ในประเทศไทย ที่เข้าสู่ช่วงขาลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังราคาน้ำมันถูกลง ส่งผลให้ยอดขาย LPG ผ่านสถานีบริการ(ปั๊ม)LPG ชะลอตัวลง และหลายปั๊มต้องปิดบริการ

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG มีแผนรุกเข้าสู้ธุรกิจค้าปลีกแก๊ส LPG ภาคยานยนต์ เมื่อปี2558 และผ่านมา 6 ปี PTG สามารถก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 4 ของตลาด ด้วยส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์) ระดับ 11.7% พร้อมตั้งเป้าหมายขยับขึ้นเป็นเบอร์ 1 ภาคยานยนต์ ภายในปี2565 และขึ้นเป็นเบอร์ 3 ภาคครัวเรือน ภายในปี2568

สุวัชชัย พิทักษ์วงศาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดลาส เอ็นเนอยี จำกัด ระบุว่า ได้วางกลยุทธ์ภายใต้ 3 คีย์หลัก “L P G ” โดยคีย์ตัวแรก L คือ Lightening new opportunity by expanded into “LPG Auto” ซึ่งบริษัทมีแผนธุรกิจแก๊สเพื่อการขนส่ง (Auto LPG) ซึ่งเป็นการดำเนินธุรกิจขายปลีกแก๊ส LPG ภายใต้สถานีบริการPT หลังเห็นโอกาสจากจุดด้อยของปั๊ม LPG ทั่วไปที่ไม่สว่าง ดูไม่ปลอดภัย และปรับปรุงปั๊ม LPG และที่สำคัญให้บริการภายใต้แพลตฟอร์มสมาชิกแมกซ์การ์ด(Max card) ที่ปัจจุบันมีสมาชิกถึง 15 ล้านใบ

คีย์ตัวที่สอง P คือ Planning by explored LPG industry and entered into LPG household in 2020 เป็นการริเริ่มขยายธุรกิจ LPG เข้าสู่ภาคครัวเรือน เริ่มจากปี2562 เข้าไปศึกษาประเด็นที่เป็นปัญหาของลูกค้าแก๊ส เช่น ซื้อถังแก๊สครั้งแรกใหม่ แต่ถังต่อไปเก่า หรือการเติมน้ำแก๊สไม่เต็มถังบริษัทจึงนำปัญหาเหล่านี้มาปรับปรุงและรุกเข้าสู่ธุรกิจก๊าซเพื่อการหุงต้ม (Household LPG (Atlas)) กระทั่งปี 2563 ได้สร้างโรงบรรจุก๊าซแห่งแรก ที่ ซ.สุขสวัสดิ์ และขยายสู่การให้บริการร้าน Gas Shop ในปั๊มน้ำมันPTรอบกรุงเทพฯและปริมณฑล ปัจจุบันมีอยู่ 99 สาขา ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค

โดยปี2564 บริษัทมีแผนขยายการเติบโตธุรกิจ Auto LPG ซึ่งจะเพิ่มจำนวนปั๊มอีก 50 สาขา รวมเป็น 206 สาขาในสิ้นปี ส่วนธุรกิจ LPG ภาคครัวเรือน หรือ Atlas จะขยายร้าน Gas Shop อีก 50 สาขา รวมเป็น 150 สาขาในสิ้นปี ขณะที่โรงบรรจุก๊าซ จะขยายเพิ่ม 3 สาขา รวมเป็น 4 สาขา ที่บริษัทเป็นผู้บริหารเอง และอีก 12 สาขาจะเป็นแฟรนไชส์

ภายใต้แผนนี้ ทำให้มั่นใจว่า บริษัทจะมีมาร์เก็ตแชร์ ธุรกิจ LPG ภาคยานยนต์ อย่างแย่ต้องขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 ในปีนี้ และอย่างช้าต้องเป็นอันดับ 1 ในปีหน้า จะยอดขายปีนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15-20% ส่วน LPG ภาคครัวเรือน ยังต้องพัฒนาต่อ เนื่องจากบริษัทเพิ่งรุกเข้าสู่ธุรกิจนี้เมื่อปลายปี2563 จึงมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 0.2% หรือเป็นอันดับที่ 8 ซึ่งปีนี้ ตามแผนคาดว่า มาร์เก็ตแชร์ จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.2-2.4% หรือ เป็นอันดับที่ 4 และภายใน 5ปี จะขึ้นเป็นอันดับ 3 ของตลาดรวม

“แผนปีนี้ น่าจะทำให้ตัวเลขภาคครัวเรือนเติบโตก้าวกระโดด โดยตั้งเป้ายอดขาย 44,000-45,000 ตัน จากปี2563 ยอดขายอยู่ที่ 3,600 ตัน จะเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เกิดจากการขยายสถานีบริการแก๊ส LPG ที่เพิ่มขึ้น และการขยายการให้บริการแก๊สครัวเรือนให้ครอบคลุมมากขึ้น”

ส่วนคีย์ตัวที่สาม G คือ Differentiate learning for Growing คือการเข้ามาควบคุมกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มจากรับก๊าซจากโรงกลั่นโดยตรงไปจนถึงการส่งมอบ LPG ไปยังผู้บริโภคหรือลูกค้าก๊าซของ PT จนเรียกได้ว่า เป็นบริษัทเดียวที่ทำทุกกระบวนการด้วยตัวเอง อันดับสอง คือ มุ่งเน้นการให้บริการ ตอบโจทย์ จึงเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศที่จะบอกถึงประวัติการใช้งานของถังก๊าซ เป็นการสร้างมาตรฐานบริการที่แตกต่างจากรายเดิม

ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 5ปี สัดส่วนรายได้ธุรกิจ LPG ยานยนต์และ ธุรกิจ LPG ครัวเรือนจะอยู่ที่ 50:50 จากปัจจุบัน อยู่ที่ 80:20 จากการขยายธุรกิจภาคครัวเรือนที่ครอบคลุมมากขึ้น ภายใต้งบลงทุนธุรกิจ LPG อยู่ที่ 400-500 ล้านบาทต่อปี