'บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์' ขายกองทุนยานยนต์แห่งอนาคตถึง 17พ.ค.64

'บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์' ขายกองทุนยานยนต์แห่งอนาคตถึง 17พ.ค.64

"บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" ส่งกองทุนยานยนต์แห่งอนาคต 4 กลุ่ม นี้ ยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์ที่ขับขี่โดยอัตโนมัติ เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการยานยนต์ และเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ ดีเดย์ IPO วันนี้-17 พ.ค. 64

นายมนรัฐ  ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Fund) กล่าวว่า ในศตวรรษที่ 21 การขยายตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก (Electric Vehicle : EV) จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน เห็นได้จากการที่หลายๆประเทศทั่วโลกหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น อีกทั้งภาครัฐในหลายๆประเทศก็มีการออกนโยบายสนับสนุน นอกเหนือจากนั้น ปัจจัยด้านราคาแบตเตอรี่  ที่มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าถูกลงตาม ประกอบกับความก้าวหน้าและพัฒนาการของเทคโนโลยีในหลายด้าน ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีจุดเด่นหลายอย่างที่เหนือกว่ารถยนต์ในปัจจุบันอย่างมาก รวมถึงการตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม  ที่นับวันยิ่งมีปัญหาทวีความรุนแรงมากขึ้น เกี่ยวกับมลพิษและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลต่างๆทั่วโลกที่ส่งเสริมและรณรงค์ให้คำนึงถึงการจำกัดและลดปริมาณการปล่อยสารพิษที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งสิ้น

 

กองทุนเปิด แอล เอช สมาร์ท โมบิลิตี้ LHMOBILITY เป็นกองทุนประเภท Fund Of Funds โดยเบื้องต้นพิจารณาลงทุนผ่านกองทุน SPDR S&P Kensho Smart Mobility ETF และ Autonomous & Electric Vehicles ETF จะเน้นลงทุนใน 4 Theme อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งโลกอนาคต ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า พื้นฐานยานยนต์สมัยใหม่ (Electric Vehicle), กลุ่มยานยนต์ที่ขับขี่โดยอัตโนมัติและสามารถเชื่อมต่อกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ (Autonomous & Connected Vehicle), กลุ่มเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการยานยนต์ เช่น Ride hailing หรือ Car sharing  (Advance Transport system) และกลุ่มเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (Drone)

ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเมื่อมีการทำ BackTest โดยกำหนดสัดส่วนการลงทุนใน SPDR S&P Kensho Smart Mobility ETF 79% และ Autonomous & Electric Vehicles ETF 21% พบว่า ผลดำเนินงาน ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี ย้อนหลัง 6 เดือน และย้อนหลัง 1 ปี เติบโตโดดเด่นถึง 11.55%, 62.27% และ 183.31% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์อ้างอิง โดยใช้ MSCI World Index TRN อยู่ที่ 4.66%, 20.15%  และ 55.31% ตามลำดับเป็นตัวเปรียบเทียบ (ที่มา LH Fund ,17 เม.ย. 2564) ซึ่งกองทุน LHMOBILITY จะมีการลงทุนทั้ง 2 กองทุน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ≥80% ของ NAV มีความเสี่ยง ระดับ 6 และมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน