นับถอยหลังบทสรุปคดีซื้อถุงมือยาง
หนีไม่พ้น ป.ป.ช.ฟัน”รุ่งโรจน์”พร้อมพวกจัดซื้อถุงยาง สคส.มูลค่าแสนล้าน มิชอบ พร้อมแจ้งดำเนินคดีอาญา แถมอาจโดนวินัยร้ายแรงถึงขั้นไล่ออก จับ ตาสาวถึงผู้บงการใหญ่หรือไม่
นับตั้งแต่พบการทุจริตการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท ขอองค์การคลังสินค้า (อคส.)โดยไม่ผ่านบอร์ดอคส.และอาจเข้าข่ายพัวพันกับการทุจริต เมื่อเดือนส.ค.. 63 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 9 เดือนแล้ว ในที่สุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกรณีองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ไต่สวนข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว โดยได้ชี้มูลว่ามีการกระทำความผิดจริง เป็นการจัดซื้อจัดจ้างถุงมือยางโดยมิชอบ
ทั้งนี้คณะอนุกรรมการจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดทางอาญาไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประกอบด้วยพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส., นักบริหารระดับ 8 อีก 2 ราย รวมถึงผู้บริหารระดับสูง ที่เจ้าหน้าที่อคส.ทั้ง 3 รายดังกล่าวให้ข้อมูลว่าเป็นผู้สั่งให้ดำเนินการจัดซื้อถุงมือยางในครั้งนี้ ส่วนภาคเอกชน คือผู้บริหารบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ จำกัด คู่สัญญาของอคส. ที่เป็นผู้ผลิตถุงมือยางให้อคส.
สำหรับความผิดของผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหา ในส่วนเจ้าหน้าที่อคส. จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 พนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต มีโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ยังผิดตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 มาตรา 151 เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ โทษจำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 2,000-40,000 บาท รวมถึงมาตรา 157 เจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต โทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่โทษทางวินัยนั้น คณะกรรมการพิจารณาโทษวินัยร้ายแรง ที่มีนายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ คาดว่า จะถูกลงโทษทางวินัยร้ายแรง คือ ไล่ออก ซึ่งจะทำให้ไม่ได้รับบำเหน็จ บำนาญใดๆ
กรณีการทุจริตจัดซื้อถุงมือยางแสนล้านของอคส.ถือเป็นการทุจริตระดับมโหฬารคดีหนึ่ง ในยุคของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่อาจทำให้ต้องเสียค่าโง่ 2,000 ล้านบาทที่เป็นค่ามัดจำเบื้องต้นให้กับเอกชน จนเป็นเหตุให้ฝ่ายค้านนำไปเป็นประเด็นหนึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่กำกับดูแล อคส. นั่นก็คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ปล่อยให้คนใกล้ชิดทุจริตเงินถุงมือยาง โดยในช่วงนั้นกระแสของสังคมเรียกร้องให้ลากตัวผู้บงการการจัดซื้อพร้อมทั้งอายัดเงิน 2 พันล้านบาทที่โอนไปให้เอกชนล่วงหน้ากลับคืนมาให้ได้
เบื้องต้น ป.ป.ช.ได้ชี้มูลผู้ที่เอี่ยวกับการทุจริต ซึ่งก็มองกันว่า เป็นแค่คนที่ปฏิบัติการเท่านั้น เพราะมีข้อกังขาจากฝ่ายค้านและสังคมที่ว่า แค่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ที่เป็นเพียงรักษาการผู้อำนวยการ อคส. อดีตเป็นถึงมือสอบสวนคดี เรียนจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 39 เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง อดีตประธานบอร์ด อคส. ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผช.ผบตร. ซึ่งไม่น่าจะหาญกล้าหากไม่ได้ไฟเขียวจาก”ผู้บงการใหญ่”ให้เป็นผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายถุงมือยาง 112,500 ล้านบาทเพียงคนเดียวเพราะวงเงินจัดซื้อถึงแสนล้านบาทไม่ใช่แค่หลักพันล้านบาท ซึ่งต้องติดตามว่าป.ป.ช.จะสาวถึงตัวผู้ บงการใหญ่ ที่อยู่เบื้องหลังการทุจริตถุงมือยางแสนล้านหรือไม่
สำหรับคดีการทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่องครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ได้ดำเนินการในช่วงที่เป็นรักษาการผู้อำนวยการอคส.เมื่อเดือนส.ค.63 โดยได้ทำสัญญากับการ์เดียนโกลฟส์ ผู้ผลิต และผู้ซื้อถุงมือยางจากอคส.เพื่อไปขายต่ออีก 7 ราย และได้นำเงินของอคส. 2,000 ล้านบาทจ่ายให้การ์เดียนโกลฟส์ โดยไม่ผ่านการพิจารณาของบอร์ดอคส. ถือว่าผิดกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เป็นการกระทำโดยมิชอบ ส่งผลให้บอร์ดอคส.มีมติให้ผู้อำนวยการ อคส. ทำหนังสือถึงดีเอสไอ, ป.ป.ช.พิจารณาความผิด และส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดเงิน 2,000 ล้านบาทด้วย รวมถึงให้ระงังการดำเนินการตามสัญญาทั้งหมด