กกร.รับ ‘พักทรัพย์’อืด เร่งแก้อุปสรรค คาดชัดเจน 3 สัปดาห์นี้

กกร.รับ ‘พักทรัพย์’อืด เร่งแก้อุปสรรค คาดชัดเจน 3 สัปดาห์นี้

กกร.ชี้ หากกระจายวัคซีนได้ตามเป้า หนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเร็วกว่าคาดเป็นไตรมาส 4 จากเดิม ไตรมาส1/65 พร้อมเสนอรัฐเพิ่มวงเงินคนละครึ่งเป็น 6 พันบาทต่อคน

      นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานการประชุม คณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน(กกร.) เปิดเผยว่า จากเสียงสะท้อนจากภาคธุรกิจท่องเที่ยว

     รวมถึงภาคผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ การค้าต่างๆ มองว่า จากผลกระทบโควิด-19รอบใหม่นี้ มีผลต่อภาคธุรกิจรุนแรงมากกว่าการระบาดรอบที่ผ่านมา เพราะ สถานการณ์ยืดเยื้อ และจำนวนผู้ติดเชื้อที่อยู่ระดับสูง มีผลซ้ำเติมให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจแย่ลงต่อเนื่อง

     ดังนั้นจำเป็นที่ ต้องได้แรงหนุนจาก ภาคการเงิน และการคลังเพิ่มเติม ซึ่งสอดคล้องกับที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เสนอให้ประเทศไทย มีการดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการคลังมากขึ้น เพื่อเร่งการใช้จ่ายและการลงทุนให้มีความต่อเนื่อง

     อย่างไรก็ตาม จากการเร่งกระจายวัคซีน รวมถึงการเพิ่มจุดกระจายวัคซีน ส่งผลให้มีโมเมนตัมที่ดีต่อการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจระยะข้างหน้า ดังนั้นเชื่อว่า หากการฉีดวัคซีนทำได้เร็วตามแผนที่วางไว้ เชื่อว่า จะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ในไตรมาส4ปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ จากเดิมมองว่า เศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวช้าออกไปเป็นไตรมาส 1ของปี 2565

เสนอเพิ่มวงเงินคนละครึ่งเป็น6พันบาทต่อคน

     อีกทั้ง อยากเห็นการเพิ่มมาตรการช่วยเหลือด้านกำลังซื้อภาคประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง ให้เข้ามาพยุงกำลังซื้อได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ3 ปีนี้ โดยเสนอให้พิจารณาเพิ่มวงเงินคนละครึ่งเป็น 6 พันบาทต่อคน จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 3 พันบาทต่อคน ซึ่งเชื่อว่าจะหนุนให้เกิดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจเพิ่มเป็น 1.8 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาด 9 หมื่นล้านบาท

     รวมถึง ผ่อนปรนมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ (E-voucher) ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อช่วยผู้ประกอบการที่จดทะเบียนให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ให้สามารถนำเงินที่ใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้โดยตรง เหล่านี้จะช่วยดึงดูดคนที่มีกำลังซื้อมาใช้จ่ายมากขึ้น

      “วันนี้เริ่มมีโมเมนตัมที่ดีขึ้น มีการเร่งกระจายและฉีดวัคซีนในจุดสำคัญๆเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่น จากเดิมที่การกระจายวัคซีนยังไม่เต็มศักยภาพที่ 50% เพราะมีข้อจำกัดเรื่องวัคซีน แต่ปัจจุบัน เห็นการกระจายวัคซีนเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นมองว่าวัคซีน จะเป็นหัวใจหลัก ของการฟื้นตัวเศรษฐกิจ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเปิดประเทศ เช่นภูเก็ตแซนบล็อก ได้ตามกำหนด จึงเชื่อว่า เศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวเร็วขึ้นเป็นไตรมาส4ปีนี้ได้”

     อย่างไรก็ตาม สำหรับการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจปีนี้ กกร.ยังคงประมาณการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้ ไว้ที่กรอบ 0.5% ถึง 2.0%

      ขณะที่การขยายตัวด้านส่งออก คาดว่าจะอยู่ที่ 5.0% ถึง 7.0% ส่วนเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.0% ถึง 1.2% จากแนวโน้มส่งออกที่มีทิศทางเติบโตที่ดีขึ้น โดยขยายตัวเกิน10% ต่อเดือน หลังประเทศคู่ค้าในต่างประเทศฟื้นตัว บวกกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หนุนให้มูลค่าส่งออกกลับมาเติบโตและเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

เล็งกระตุ้นโครงการพักทรัพย์พักหนี้

      อย่างไรก็ตาม จากการหารือร่วมกันในที่ประชุมกกร. ยังมีการพูดถึง 2มาตรการสำคัญ เพื่อช่วยลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งโครงการสินเชื่อฟื้นฟู และโครงการพักทรัพย์พักหนี้

      โดยเฉพาะโครงการพักทรัพย์พักหนี้ที่ทำได้ค่อนข้างช้า โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าโครงการเพียง 4 ราย คิดเป็นวงเงินกว่า 1 พันล้านบาทเท่านั้น เพราะมาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการที่ใหม่ ที่ลูกหนี้อาจยังมีความไม่เข้าใจ สับสนอยู่บ้าง ดังนั้นต้องมีการเร่งประสัมพันธ์ และสื่อสารกับลูกหนี้ในธุรกิจต่างๆมากขึ้น

       ดังนั้น กกร.จะมีการเร่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง เข้าไปหารือร่วมกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อช่วยผลักดันโครงการดังกล่าวให้รวดเร็วมากขึ้น ทั้งการบูรณาการ เงื่อนไข หลักการ เพื่อเสนอกับหน่วยงานภาครัฐต่อไปด้วย โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องดังกล่าวภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้านี้

      ส่วนสถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลในระบบ ขณะนี้ เชื่อว่าทุกฝ่ายรวมถึงธนาคารพาณิชย์ กำลังอยู่ระหว่างการประคองและช่วยเหลือลูกหนี้ จากผลกระทบโควิด-19 ระลอก3 เพื่อประคอง และรักษาลูกหนี้ในกลุ่มสีเหลือง ไม่ให้ไหลไปสู่สีแดงมากขึ้น และช่วยให้ลูกหนี้ประคองตัวเองให้ได้ในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้านี้เพื่อรอเศรษฐกิจฟื้นตัวได้