"ทีดีอาร์ไอ" เชื่อรัฐบาลจีนไม่ปล่อย "เอเวอร์แกรนด์" ล้ม กระทบเศรษฐกิจ
ทีดีอาร์ไอเชื่อรัฐบาลจีนไม่ปล่อย "เอเวอร์แกรนด์" ยักษ์อสังหาริมทรัพย์จีนล้ม เพราะจะลามไปกระทบเศรษฐกิจเชิงระบบ เนื่องจากมีขนาดใหญ่มากถึง 0.37% ของจีดีพีจีน
นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโสด้านนโยบายเศรษฐกิจส่วนรวมและเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงกรณีบริษัท เอเวอร์แกรนด์ เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับสองของจีน ติดอันดับ1ใน 150 บริษัทชั้นนำของโลกมีความเสี่ยงที่จะล้มละลายและผิดนัดชำระหนี้ว่าในเรื่องนี้มีจะต้องจับตาใกล้ชิดถึงพัฒนาการของเหตุการณ์ใน 2 ประเด็นคือ 1.ธุรกิจเสี่ยงที่จะล้มหรือไม่ และ 2. รัฐจะเข้ามาช่วยอุ้มธุรกิจหรือไม่
โดยปัจจุบันปัญหาที่เอเวอร์แกรนด์ ประสบคือปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนัก แต่ส่วนที่ยังไม่แน่ชัดคือเรื่องนี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างในการดำเนินการธุรกิจหรือไม่ ซึ่งหากปัญหาเกิดเพียงแค่การขาดสภาพคล่องเมื่อภาครัฐเข้ามาช่วยเติมสภาพคล่องก็จะแก้ปัญหาไปได้ แต่ถ้ากรณีเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างแล้ว ต่อให้รัฐเข้ามาช่วยแก้ไขก็ได้แค่ชะลอเวลาที่จะล้มเท่านั้นซึ่งในปัจจุบันยังเห็นในเรื่องของปัญหาสภาพคล่องเท่านั้นยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของปัญหาโครงการสร้าง
ส่วนกรณีที่ขาดสภาพคล่องจนผิดนัดชำระหนี้และรัฐไม่เข้ามาช่วยเลย ปัญหานี้จะน่ากังวลใจอยู่ เพราะขนาดหนี้ของตัวธุรกิจมีขนาดใหญ่มากประมาณ 3.55 แสนดอลลาร์ ($355 billion) หรือประมาณ03.7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของจีน
ทั้งนี้ขนาดของเอเวอร์แกรนด์ที่ใหญ่มาก รัฐบาลคงไม่ปล่อยให้ล้มเพราะถ้าล้มไปจะมีคนตกงานมากทั้งที่เป็นลูกจ้าง และบริษัทรับเหมาที่รับงานได้รับผลกระทบ และเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากการลดลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และหนี้เสียที่กระจายไปยังแบงค์ต่างๆที่ปล่อยกู้ด้วย
“ผมมองว่ารัฐน่าจะเจ้ามาช่วยประคองให้สภาพคล่องเพราะว่าในช่วงหลัง ภาครัฐจีนพยายามควบคุมหนี้ของธุรกิจการเงินและอสังหาไม่ให้กลายเป็นความเสี่ยงต่อระบบ และให้ความสำคัญมากในจุดนี้ จึงไม่น่าจะปล่อยให้ผิดนัดชำระจนธุรกิจล้มครับ”นายนณริฏ กล่าว
สำหรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยที่ต้องเฝ้าระวังก็คือจะเกิดกรณีที่ล้มครับ ซึ่งมีโอกาสไม่มากนัก แต่ถ้าล้มจริงๆ จะทำให้เศรษฐกิจจีนเกิดปัญหา และลามมาไทยทางช่องทางการเงิน ตลาดหุ้นเกิดอาการ (panic) การค้าและการส่งออกที่ส่งสินค้าส่งออกไปจีนและภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากคนจีนมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยมีจำนวนมากเช่นกัน