รฟม.นัดประชุมคณะกรรมการ ม.36 สัปดาห์หน้า ลุยประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม
รฟม. แจงข้อเท็จจริงปมฟ้องล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ยันเดินหน้าประกวดราคารอบใหม่ จ่อประชุมคณะกรรมการ ม.36 สัปดาห์หน้า เร่งคลอดเอกสารขายซองภายใน ต.ค.นี้
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม. ขอแจ้งข้อเท็จจริงทางคดีเกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยแบ่งออกเป็นประเด็น ดังนี้
จากกรณีที่วานนี้ (16 กันยายน 2564) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดพร้อมเพื่อกำหนดพยานและกำหนดประเด็นในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งทั้งโจทก์และจำเลยไม่ได้เดินทางไปศาล โดยโจทก์มอบหมายผู้รับมอบอำนาจ และทนายความ ส่วนจำเลยมอบหมายให้พนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยเดินทางไปศาลเช่นเดียวกัน ซึ่งในกระบวนการพิจารณา ศาลเห็นว่า เนื่องจากคู่ความยังไม่ได้รับเอกสารที่ใช้ในการไต่สวนครบถ้วน ศาลจึงเห็นควรเลื่อนนัดพร้อม เพื่อกำหนดพยานและกำหนดประเด็นในการไต่สวนมูลฟ้องออกไปเป็นวันที่ 25 ตุลาคม 2564 เวลา 13.00 น.
ประเด็นเรื่องข้อเท็จจริงทางคดีเกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ตามที่ รฟม. ได้เคยชี้แจงไปแล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 รฟม. ยังคงยืนยันข้อเท็จจริงตามที่มีการแถลงในวันที่ 1 กันยายน 2564 ว่า ปัจจุบันมีการฟ้องคดีรวมจำนวน 3 คดี แบ่งเป็น
คดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองกลาง จำนวน 2 คดี ได้แก่
1.คดีหมายเลขดำที่ 2280/2563
ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางที่จำหน่ายคดีในข้อหาที่ฟ้องขอให้เพิกถอนหลักเกณฑ์ร่วมลงทุนที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้น จึงไม่มีประเด็นพิพาทเกี่ยวกับการเพิกถอนหลักเกณฑ์อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองอีกต่อไป คงเหลือแต่ข้อหาที่ผู้ฟ้องคดีขอให้ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ชดใช้ค่าเสียหายในมูลละเมิดจำนวน 500,000 บาท เท่านั้น
2.คดีหมายเลขดำที่ 580/2564
ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางที่ไม่รับคำฟ้องข้อหาเกี่ยวกับการการกระทำละเมิด และคำขอห้ามมิให้คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และ รฟม. กระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเอกชนในโครงการพิพาทครั้งใหม่ ไว้พิจารณา โดยให้เหตุผลว่า การดำเนินการคัดเลือกเอกชนเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และ รฟม. ตามกฎหมาย ดังนั้น จึงไม่มีประเด็นพิพาทเกี่ยวกับการดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนในครั้งใหม่อีกต่อไป คงเหลือแต่ข้อหาที่ผู้ฟ้องคดีขอให้เพิกถอนหรือยกเลิกมติหรือประกาศที่ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ยกเลิกการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนในโครงการนี้เท่านั้น
คดีที่อยู่ในระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จำนวน 1 คดี คือ
1.คดีหมายเลขดำที่ อท.30/2564
โดยคดีหมายเลขดำที่ อท.30/2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดพร้อมเพื่อกำหนดพยานและกำหนดประเด็นในชั้นไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 25 ตุลาคม 2564 หลังจากนั้นเมื่อมีการกำหนดประเด็นแล้ว ศาลจึงจะนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีดังกล่าวต่อไป ดังนั้น ปัจจุบันคดีนี้ศาลจึงเพียงแต่รับคำฟ้องของโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้องเท่านั้น แต่ยังมิได้มีการรับฟ้องคดีดังกล่าวไว้พิจารณาแต่อย่างใด
ดังนั้น รฟม. ขอยืนยันว่า การดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการที่กฎหมาย รวมถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)และมติคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนกำหนดอย่างครบถ้วนแล้ว
“ปัจจุบันเรื่องคดีอาญาอยู่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ยังไม่อยู่ในขั้นตอนรับฟ้อง ส่วนคดีปกครองยังเหลือคดีชดใช้ค่าเสียหาย และขอให้เพิกถอนการยกเลิกคัดเลือกเอกชนในครั้งแรก ส่วนประเด็นที่ไม่ให้ รฟม.ประมูลใหม่นั้น ศาลไม่รับฟ้อง ก็ทำให้เราเดินหน้าการประมูลได้ ซึ่ง รฟม.จะนัดประชุมคณะกรรมการ ม. 36 สัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาร่างเอกสารประกวดราคารอบใหม่”
อย่างไรก็ดี หากศาลอาญารับฟ้อง รฟม.ประเมินว่าไม่น่ามีผลต่อการประมูลรอบใหม่ เพราะเป็นการรับฟ้องเรื่องการดำเนินการทางกฎหมาย ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องระงับการคัดเลือกครั้งใหม่ ดังนั้นกระบวนการก็น่าจะเดินหน้าต่อไปได้
อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา รฟม.ได้ประกาศให้เอกชนทุกรายมารับเงินซื้อซองคืน และมีผู้ยื่นข้อเสนอในกลุ่มกิจการร่วมค้าได้มารับซองข้อเสนอคืนแล้ว คงเหลือบางรายที่ไม่ได้มารับซอง ในเมื่อผู้ยื่นข้อเสนอถึงแม้ยังไม่มาขอเอกสารคืน แต่ความเป็นกิจการร่วมค้าสิ้นผลผูกพัน ก็ทำให้ข้อเสนอสิ้นผูกพันไปด้วย การจะกลับไปพิจารณาคัดเลือกในการประมูลรอบแรกก็ไม่น่าจะทำได้แล้ว
ทั้งนี้ รฟม.ได้กำหนดแผนดำเนินการประกวดราคาในเบื้องต้น โดยจะออกประกาศเชิญชวนเอกชน และขายซองข้อเสนอโครงการ (RFP) ภายในเดือน ต.ค.นี้ ให้เวลาเอกชนทำข้อเสนอยื่นภายใน ธ.ค.2564 หลังจากนั้นจะประเมินข้อเสนอใช้เวลาราวเดือน ม.ค. - มี.ค.2565 ก่อนจะเริ่มขั้นตอนเจรจาต่อรองให้ได้ข้อยุติภายในเดือน มี.ค.2565 และเสนอไป ครม. เห็นชอบ