ส.วินาศภัย ชง คปภ.ผ่อนปรน คงคาร์เรโช120% หนุนสภาพคล่อง
สมาคมประกันวินาศภัย ชง คปภ. ผ่อนปรนคงคาร์เรโช 120% เสริมสภาพคล่องบริษัทประกันอุ้มจ่ายเคลมช่วงโควิด พร้อมค้านให้ คปภ.จัดเรทติ้งบริษัทประกัน ด้าน คปภ.ปัดตั้งกองทุนประกันโควิด
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า แนวทางการดูแลและช่วยเหลือธุรกิจประกันภัยช่วงโควิด-19 โดย สมาคมฯ ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ขอผ่อนผันเกณฑ์การดำรงเงินกองทุน เช่น ขยายการใช้อัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุน (คาร์ เรโช) ที่120% ออกเป็นการชั่วคราว จากที่จะปรับขึ้นเป็น 140% เพื่อให้บริษัทประกันมีเงินสภาพคล่องเข้ามาใช้จ่ายเคลมให้ผู้เอาประกันโควิด-19ในรูปแบบต่างๆได้ รวมถึงผ่อนผันการกำกับเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (อาร์บีซี) ด้วย
ส่วนการจัดตั้งกองทุนกลางขึ้นมาช่วยเหลือบริษัทประกันจ่ายสินไหมให้กับผู้เอาประกันที่ป่วยโควิด-19 เหมือนกับช่วงสึนามินั้น มองว่ายังไม่มีความจำเป็นในตอนนี้ เพราะมีกองทุนประกันวินาศภัยดูแลอยู่แล้ว หรือการตั้งกองทุนฯ เพื่อรับประกันภัยโควิด-19ต่อก็ไม่ต้องทำ เพราะประกันโควิด-19 เป็นการรับทำระยะสั้นแบบชั่วคราว แตกต่างจากประกันภัยธรรมชาติที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งกรณีมีข้อเสนอให้ คปภ. เข้ามาจัดอันดับความน่าเชื่อถือการทำธุรกิจของบริษัทประกันนั้น นายอานนท์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย เพราะคปภ. เป็นหน่วยงานด้านกำกับดูแล ไม่ใช่มีหน้าที่จัดอันดับความน่าเชื่อถือ แต่หากจะทำควรเป็นหน้าที่ของหน่วยงานกลางและมีความเชี่ยวชาญด้านการจัดอันดับมากกว่า อย่างต่างประเทศก็มีสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินเข้ามาดูแลโดยตรง
"คปภ. ก็ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกำกับเหมือนกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์ และการจัดอันดับนอกจากดูว่าใครทำแล้ว จะมีตัวชี้วัดอย่างไร เช่น ดูฐานะทางการเงิน มีการเปิดเผยงบการเงินอยู่แล้วหรือดูธรรมาภิบาลก็ตรวจสอบได้ตลอด ที่สำคัญการจัดอันดับต้องสมัครใจ จะให้ใครมาจัดและประกาศอันดับเองโดยไม่ได้ข้อมูลถูกต้องครบถ้วน ก็มีผลต่อความเชื่อถือนับเป็นสิ่งสำคัญของบริษัทประกัน”
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า ขณะนี้ คปภ.กำลังพิจารณาแนวทางผ่อนปรนเกณฑ์ช่วยเหลือทางการเงินเพื่อให้บริษัทประกันมีสภาพคล่องเข้ามาใช้ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 รวมถึงมีมาตรการทางกฎหมายรองรับเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประชาชนควบคู่ไปด้วย ส่วนข้อเสนอการตั้งกองทุนรับประกันสำหรับโควิด-19 มองว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำในขณะนี้