ธนารักษ์เผยยอดขอคืนที่ราชพัสดุปีนี้กว่าแสนไร่
ธนารักษ์เผยยอดขอคืนที่ราชพัสดุจากหน่วยราชการปีนี้ทำได้กว่า 1 แสนไร่ เตรียมจัดสรรนำไปใช้ประโยชน์เพื่อหารายได้ ขณะที่ เร่งส่งที่ราชพัสดุให้กรมราชทัณฑ์ ทำเรือนจำชั่วคราว-ฝึกอาชีพให้นักโทษ พร้อมจับมือการเคหะฯสร้างบ้านผู้มีรายได้น้อย
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ในปีนี้กรมฯ สามารถขอคืนที่ราชพัสดุจากหน่วยราชการ และรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์ผิดวัตถุประสงค์ ได้กว่า 1 แสนไร่ ทำให้กรมฯ มีที่ราชพัสดุอยู่ในการดูแลเพิ่มจาก 4 แสนไร่ เป็น 5 แสนไร่ ซึ่งในจำนวนนี้ได้วางแผนเร่งจัดสรรนำไปใช้ประโยชน์ในการหารายได้หรือส่งมอบให้หน่วยงานรัฐไปใช้ประโยชน์
ล่าสุดได้ลงนามบันทึกความตกลง (เอ็มโอยู) กับกรมราชทัณฑ์ ในการนำที่ราชพัสดุไปใช้ประโยชน์ เช่น ทำเป็นเรือนจำชั่วคราว เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ รวมถึงช่วยพัฒนาสร้างอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังก่อนพ้นโทษออกมา
“เบื้องต้นกรมฯ ได้ตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่าง 2 กรม เพื่อนำที่ราชพัสดุที่ว่างอยู่กว่า 1 พันไร่ และอาคารที่ว่างอยู่ เสนอให้กรมราชทัณฑ์พิจารณา ซึ่งถ้ากรมราชภัณฑ์มองว่าที่แปลงใดเหมาะสมก็แจ้งเข้ามากรมจะส่งมอบที่ราชพัสดุนั้นให้ใช้ประโยชน์ต่อไป”
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องขังกว่า 2.8 แสนคน ถ้าหากได้ที่ราชพัสดุมาทำเรือนจำชั่วคราวก็จะลดความแออัดได้ และยังมีโครงการช่วยฝึกอาชีพ นักโทษชั้นดี ให้ทำการเกษตร แรงงานฝีมือ รวมถึง เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวภายในเรือนจำด้วย”
นอกจากนี้ กรมฯยังได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ราชพัสดุระหว่างกรมธนารักษ์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และการเคหะแห่งชาติ เพื่อจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ราชพัสดุสำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง โดยทางกรมธนารักษ์จะช่วยสนับสนุนพื้นที่ให้ โดยมีการเคหะฯ เป็นผู้ลงทุนดำเนินการ และมีธอส.ช่วยสนับสนุนแหล่งเงินทุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ
นายยุทธนา กล่าวต่อว่า ภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้ กรมมีแผนที่จะส่งมอบที่ราชพัสดุให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับตำรวจชั้นผู้น้อย รวมถึง ส่งมอบที่ราชพัสดุขนาดใหญ่ย่าน อำเภอบางปิ้ง จังหวัดสมุทรปราการกว่า 500 ไร่ ให้กรมพลศึกษา เพื่อนำไปลงทุนก่อสร้างสปอร์ตคอมเพล็กซ์ สนามฟุตบอล และสนามกีฬาขนาดใหญ่สำหรับแข่งขันระดับประเทศ และนานาชาติ โดยคาดมีเงินลงทุนกว่า 7-8 พันล้านบาท
นอกจากนี้กรมฯ ยังมีการมอบสัญญาเช่าที่ดินให้แก่ประชาชนนำไปใช้เป็นที่อยู่อาศัย และที่ทำกินทำการเกษตรอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในปีนี้มีการส่งมอบไปแล้วกว่า 4 พันครัวเรือน จำนวนที่ดินกว่า 1 หมื่นไร่
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการนำร่องที่การเคหะฯ จะดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ เบื้องต้นจะนำร่องจัดทำโครงการในจังหวัดพิษณุโลก ครอบคลุม 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอบางระกำ อำเภอวังทอง อำเภอบางกระทุ่ม อำเภอวัดโบสถ์ อำเภอนครไทย อำเภอพรหมพิรามและอำเภอชาติตระการ โดยจะนำที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวมาพัฒนาโครงการบ้านเคหะสุขประชา บ้านเคหะสุขเกษม รวมถึงบ้านพักสำหรับข้าราชการและผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น
ด้านฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ความร่วมมือนี้มีขึ้นเพื่อให้กลุ่มที่มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ข้าราชชั้นผู้น้อย และประชาชนที่มีอยู่อาศัยสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐานในราคาเช่าที่เหมาะสม ทั้งนี้ การเคหะฯจะเช่าที่ดินจากรมธนารักษ์มาเพื่อก่อสร้างบ้านเช่าแนวราบ ซึ่งธอส.จะสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้กับการเคหะ พร้อมช่วยประชาสัมพันธ์ด้วย