แกนนำรีพับลิกันยอมขยายเพดานหนี้ (7 ต.ค. 64)

แกนนำรีพับลิกันยอมขยายเพดานหนี้ (7 ต.ค. 64)

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าโดย บวกประมาณ 7 จุด แต่มีแรงขายเข้ามาในช่วงบ่าย ทำให้ดัชนีลบประมาณ 5 จุด จากความกังวลด้านเงินเฟ้อของสหรัฐและแรงขายทำกำไร

ทำให้หุ้นหลายตัวลดช่วงบวกลง ธีมหลักในการขับเคลื่อนหุ้นมาจาก ราคาสินค้า Commodity อย่างน้ำมัน ถ่านหิน น้ำมันปาล์ม ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหุ้นน้องใหม่อย่าง SVT ปรับตัวขึ้นชนซิลลิ่งที่ 30% ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,619.48 จุด -4.76 จุด -0.29% มูลค่าการซื้อขาย 97,659 ลบ.ลบ.ต่างชาติ -1,263.05 ลบ. TFEX -10,618 สัญญา ตราสารหนี้ +425.31 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 102.32 จุด + 0.30% ขานรับความหวังว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในสภาคองเกรสสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงการขยายเพดานหนี้ และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่ขยายตัวดีเกินคาดในเดือนก.ย.
+ การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 568,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ระดับ 425,000 ตำแหน่ง จากระดับ 340,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
+ แกนนำรีพับลิกันยอมขยายเพดานหนี้ถึงเดือนธ.ค. ช่วยสหรัฐเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้
+ เมอร์คเตรียมยื่นเรื่อง FDA ของสหรัฐเพื่อขออนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในกรณีฉุกเฉิน หากได้รับการอนุมัติจะทำให้เมอร์คเป็นบริษัทแรกของโลกที่ผลิตและจำหน่ายยารักษาโควิด-19 แบบรับประทาน
+ กพท.เสนอที่ประชุมศบค. ในวันที่ 10 ต.ค.พิจารณาเห็นชอบให้สายการบินสามารถเพิ่มที่นั่งภายในเครื่องบินเป็น 100% จากปัจจุบัน 75%
+ สธ. คาดยาต้านโควิด "โมลนูพิราเวียร์" จะเข้าไทยราวธ.ค. 64 -ม.ค. 65

ปัจจัยลบ 

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.50 ดอลลาร์ -1.9% ปิดที่ 77.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด และนักลงทุนยังเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ
- รัฐบาลท้องถิ่นต่าง ๆ ของสหรัฐเผชิญกับปัญหาขาดแคลนชุดตรวจ Rapid Test หลายเดือนแล้ว หลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา

 

- IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP ทั่วโลกในปี 2564 ลงสู่ระดับต่ำกว่า 6% โดยระบุถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับหนี้สิน เงินเฟ้อ และทิศทางเศรษฐกิจที่ไม่สอดคล้องกันจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
- WHO ระบุว่าผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 กาลังจะเสียชีวิตไปอย่างสูญเปล่า โดยระบุถึงความไม่เท่าเทียมกันในการกระจายวัคซีนทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชน
- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้กลับมาเพิ่มขึ้น พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 11,200 ราย มีผู้เสียชีวิต 138 ราย รักษาหาย 10,087ราย

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากการที่ แกนนำรีพับลิกันยอมขยายเพดานหนี้ถึงเดือนธ.ค. ช่วยสหรัฐเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่แรงกดดันหลักอยู่ที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19รายใหม่ที่กลับมามากกว่า 1 หมื่นรายต่อวันอีกครั้ง มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1610-1,630 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นเป็นบวกต่อ : TOP SPRC PTTGC
• ศบค. ผ่อนคลายเปิดโรงหนัง-ปรับเวลาเคอร์ฟิว-เวลาเปิดร้านอาหาร : MAJOR AU ZEN M CPALL
• ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง : MINT ERW CENTEL AWC SHR ASAP AOT BEM BTS
• ครม.ไฟเขียวจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม 6 แห่ง : ROJNA WHA EGCO
 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                       SIMAT - แนะนำซื้อ
                  “ราคาเหมาะสม 7.10 บาท Consensus 7.65 บาท”

•งวด 2Q64 มีกำไรสุทธิ 32 ลบ. +88%QoQ +1,203%YoY จากฐานที่ต่ำในปี 63 ที่มีการล็อคดาวน์ในช่วง 2Q63 กำไรงวด 1H64 เท่ากับ 49.2 ล้านบาท +21%YoY คิดเป็น 38%ของประมาณการกำไรปี 64 ที่ 128 ลบ.

 

•แบ่งขายบมจ. ฮินซิซึ (ประเทศไทย) (HST) จำนวน 100,000 หุ้น หรือคิด 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดในฮินซิซึมูลค่ารวม 175 ลบ. ให้กับบมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) คาดแล้วเสร็จภายใน 30 ต.ค. (บันทึกกำไรพิเศษ Q4) เหลือถือหุ้น 60% และเตรียมยื่นไฟลิ่งบริษัท HST ภายในปี 64 ตามแผนเดิม เพื่อระดมทุน นำเงินไปขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ และก่อสร้างโรงงานใหม่ ส่วนธุรกิจ อินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ (SINET) คาดจะเห็นการฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี จากการร่วมมือกับทาง บริษัทในเครือเจริญเคเบิลทีวี
•ความเห็น ฝ่ายวิจัยคาดผลการดำเนินงานจะเร่งตัวขึ้นในช่วง2H64 โดยไตรมาส 4 จะเป็น high season ของธุรกิจฮินซิซึ (HST) โดยคาดการณ์กำไรปี 64 ราว 128 ลบ. +146%YoY และคาดกำไรปี 65 ที่ 166 ลบ.+44%YoY ราคาเหมาะสมปี 65 เท่ากับ 7.10 บาท

 

หุ้นมีข่าว

(+) MAKRO ( Bloomberg Consensus 47.00 บาท) ปืนเร็วเร่งดีลโลตัสด่วนคาดจบ 25 ตุลาคมนี้ ก้าวสู่อันดับ 1 ในธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในอาเซียนทันที เริ่มรับรู้รายได้จากโลตัสตั้งแต่ไตรมาส 4 ชี้ซินเนอร์ยี่เพียบ พร้อมลุยต่างประเทศ เพิ่มสัดส่วน 10% วางกลยุทธ์ O2O ขยายใหญ่ ตั้งงบลงทุน 5 ปี 1.3 แสนล้านบาท ชี้หุ้นจะมีเสน่ห์มากขึ้น หลังเพิ่มทุนขายหุ้น PO ดันฟรีโฟลตตามเกณฑ์ 15% มีโอกาสเข้าคำนวณใน SET50 (ที่มา ทันหุ้น)

(0) PLANET ( Bloomberg Consensus 1.40 บาท) เผยผู้ถือหุ้นไฟเขียวอนุมัติเพิ่มทุน 124.99 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รองรับการแจกวอร์แรนต์ฟรี จำนวน 124.99 ล้านหน่วย ในอัตรา 3 : 1 พร้อมนำเงินลุยธุรกิจ Cyber Security - 5G - ผลิตน้ำประปาและไฟฟ้าเต็มสูบ มั่นใจผลงานตลอดทั้งปี 2564 นี้เป็นที่น่าพอใจ และเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต (ที่มา ทันหุ้น)

(+) WHAUP ( Bloomberg Consensus 5.00 บาท) คาดผลงานครึ่งปีหลังโตไม่หยุด เร่งขยายธุรกิจน้ำ-ไฟฟ้าช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ดันรายได้โตตามเป้า 25% ล่าสุดลงนามสัญญาโซลาร์รูฟท็อปเพิ่ม ตั้งเป้าสิ้นปีนี้แตะ 90 เมกะวัตต์ พร้อมจ่อปิดดีล M&A ที่เวียดนามเร็วๆ นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) CV ( Bloomberg Consensus 5.50 บาท) “โคลเวอร์ เพาเวอร์” หรือ CV ทุ่ม 260 ล้านบาท เตรียมเข้าซื้อโรงงานผลิตชีวมวลอัดเม็ดในเวียดนาม 2 โครงการ กำลังการผลิตรวมมากกว่า 2.4 แสนตันต่อปี คาดเพิ่มรายได้มากกว่า 1 พันล้านบาท หนุนเติบโตก้าวกระโดดปี 65 (ที่มา ข่าวหุ้น)