โบรก คัด หุ้นเด็ดพิชิตตลาด รับดัชนีปี65 ขาลง 1,600 จุด -ขาขึ้นทะลุ 1,700 จุด

โบรก คัด หุ้นเด็ดพิชิตตลาด รับดัชนีปี65 ขาลง 1,600 จุด -ขาขึ้นทะลุ 1,700 จุด

บล.ไทยพาณิชย์ มองความเสี่ยงหุ้นขาลงที่ 1,600 จุดในปีหน้า เน้นหุ้นดีเฟนซีพ กำไรโตแกร่ง งบดุลแข็งแรง แนะ 5 หุ้นเด่น “BEM KCE OSP SECURE ZEN” ด้านบล.เคทีบีเอสทีชี้โอกาสหุ้นขาขึ้นทุะลุ 1,700 จุด ผสมผสานหุ้น “ฟื้นตัวจากโควิด” กับ 3 กลุ่มหุ้นเติบโตเด่น "เทคโนโลยี อีวี กัญชง"

นายสุทธิชัย  คุ้มวรชัย ผู้อำนวยการอาวุโส นักวิเคราะห์การลงทุน  บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ เปิดเผยในงานเสวนาออนไลน์ "หุ้นปลอดภัยฝ่าโควิด"  หัวข้อ “หุ้นเด็ดพิชิตตลาด”  โดยฐานเศรษฐกิจว่า ในปี 2565 มองดัชนีหุ้นไทยที่ระดับ 1,600 จุด หรือหุ้นไม่ขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นยังเผชิญความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกในระยะข้าง ที่ไม่ได้สนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเท่าที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ผ่านจุดสูงสุดและกำลังชะลอตัวลง , การเริ่มทยอยลดคิวอีคาดในเดือนพ.ย.นี้  และเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะเจอภาวะ Stagflation หรือ เศรษฐกิจชะลอ แต่เงินเฟ้อเร่งตัว  ขณะเดียวกันซัพพายดิสรับชั่นกดดันกำไรบริษัท 


ประกอบกับ ตลาดหุ้นในช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้  ยังอยู่ในจุดที่ค่อนข้างเปราะบาง ไม่เห็นอัพไซด์มากจากระดับปัจจุบันที่ระดับ 1,600  กว่าจุด และราคาหุ้นไม่ถูกนัก   ดังนั้น การลงทุนหุ้นไทย ยัง เป็นการชั่งน้ำหนัก ระหว่าง “ผลตอบแทนกับความเสี่ยง” ให้สมดุล  


ทั้งนี้ ทางด้านผลตอบแทน  มองว่า ยังมีโอกาสปรับขึ้นจากการทยอยเปิดเศรษฐกิจ โดยทาง อีไอซี คาดการณ์จีดีพี ขยายตัว 1% ในปีนี้และ 3.6 % ในปีหน้า  แต่ยังต้องติดตามหลังเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้แล้วจะมียอดผู้ติดเชื้อกลับมามากน้อยแค่ไหน แต่คาดว่าจะไม่มีการกลับมาปิดเมืองอีก  นอกจากนี้หากการเปิดประเทศเป็นไปตามแผนงานที่ทางการวางไว้ เชื่อว่าจะเห็นกระแสฟันด์โฟลว์ต่างชาติเข้ามารับการเปิดเศรษฐกิจ 

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทย  เน้นการเลือกหุ้นเชิงรับ ในกลุ่มหุ้นดิเฟนซีพ (Defensive Stocks) มีกำไรโตแข็งแกร่ง และงบดุลแข็งแรง แนะ 5 หุ้นเด่น ได้แก่ BEM KCE OSP SECURE ZEN  เพื่อเตรียมรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า 


“การลงทุนในช่วงนี้นอกจากทางด้านผลตอบแทนแล้วผู้ลงทุนต้องมองด้านความเสี่ยงเข้ามาประกอบด้วย ทำให้เราสามารถที่จะเอาชระตลาดได้ เน้นลงทุนในหุ้นเชิงรับ ที่มีกำไรเติบโตดี และงบการเงินแข็งแกร่ง สำหรับหุ้นเปิดเมือง ให้น้ำหนักกับกลุ่มค้าปลีก ขนส่ง มากกว่าท่องเที่ยว  ที่ราคาปรับตัวขึ้นสูงแล้ว  ขณะที่หุ้นใหญ่กลุ่มพลังงาน ยังต้องระวังปัจจัยราคาพลังงานปรับขึ้นและมาตรการของแต่ละประเทศจะที่เข้ามาดูแลหลังจากนี้” 

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในปี 2565 คาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ  1,740 จุด  และในปี 2566  จะอยู่ที่ 1,780 จุด   โดยดัชนีในปีหน้ามีโอกาสปรับตัวสูงกว่าปีนี้  จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยที่ปีหน้าน่าจะดีกว่าปีนี้  หลังจากมีการเปิดประเทศ 1  พ.ย.นี้   และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดยังมีโอกาสเติบโตในเชิงกำไรที่สูงขึ้น  แต่ยังต้องจับตาความเสี่ยงปัจจัยการเมืองในประเทศที่จะมีการเลือกตั้งในไตรมาส 3 ปี 2565 ซึ่งตลาดจะตอบรับก่อนหน้านั้นอย่างไร 


ขณะที่ตลาดหุ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ จะแกว่งตัวที่ระดับ 1,650-1,700 จุด หรือไม่เกิน 1,700 จุดในสิ้นปีนี้ เพราะมองว่า ปัจจัยลบกดดันตลาดไม่ได้ชัดเจนมาก แต่ในแง่ของความไม่แน่ใจนั้นมีมากกว่า  ทั้งจากความกังวลว่าหลังเปิดประเทศแล้วการระบาดจะกลับมารอบไม่หรือไม่ ทำให้คนยังไม่กล้าลงทุน  และการเริ่มลดคิวอีของเฟด ที่ส่วนใหญ่หุ้นจะปรับตัวลงก่อนเริ่ม และเมื่อเริ่มลดคิวอีจริงๆ แล้ว จะเกิดเหตุการณ์อย่างไร ทำให้เห็นภาพนักลงทุนต่างชาติ ยังเข้ามาลงทุนในตลาดภูมิภาคเอชียแบบซื้อๆขายๆ ไม่มีเม็ดเงินที่หนุนตตลาดให้โตอย่างจริงจัง 


ขณะเดียวกัน ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ในช่วงที่ผ่านมา มองว่า  เป็นปัจจัยเฉพาะตัว จากกลุ่มนักลงทุนไทย ที่เข้าลงทุนในหุ้นเปิดเมืองและหุ้นมหาขน ดันราคาหุ้นปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ อีกทั้งราคาพลังงานปรับตัวขึ้นหนุนดัชนีกลับมายืนที่ระดับ 1,650 จุด แทนที่จะอยู่ที่ระดับ 1,600 จุดหลังจากผ่านการแพร่ระบาดโควิดรอบนี้ 


อย่างไรก็ตามมองว่า ในปีหน้าไม่ว่าดัชนีหุ้นไทยจะอยู่ที่ระดับ 1,600 จุด หรือทะลุ 1,700  จุด  แนะกลยุทธ์ “การเลือกเซ็กเตอร์และเลือกหุ้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่จะเอาตัวรอดไปได้และมีผลตอบแทนชนะตลาด  

โดยการลงทุนต้อง ผสมผสานการเลือกหุ้นสัดส่วน 50%  ลงทุนหุ้นกลุ่มฟื้นตัวจากโควิด เช่น   BBL และ TKN   ที่ราคาหุ้นยังไม่ปรับขึ้นมาก และมีการฟื้นตัวในเชิงกำไร  


และสัดส่วนอีก 50%  เน้นลงทุนหุ้นรับกระแสการเติบโตในปีหน้า   โดยกลุ่มหุ้นเติบโตที่น่าสนใจเป็นพิเศษ มี  3 กลุ่ม ได้แก่ เทคโนโลยี อีวี และกัญชง  ในช่วงนี้สามารถเข้าลงทุนกลุ่มเทคโนโลยีและอีวี   แนะหุ้นเด่น เช่น EA และSCGP ขณะที่หุ้นกลุ่มกัญชง รอเข้าลงทุนในปีหน้า