ทียู’ปั้น‘ไทยยูเนี่ยนฟีดมิลล์’ โกยความ ‘มั่งคั่ง’ ครั้งใหม่

ทียู’ปั้น‘ไทยยูเนี่ยนฟีดมิลล์’  โกยความ ‘มั่งคั่ง’ ครั้งใหม่

ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ หรือ TFM ถือเป็น“บริษัทแกนนำ”(Flagship)ของเไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป TUสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 51% (ตัวเลขหลังเสนอขายหุ้นIPO) ในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เศรษฐกิจ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ อาหารกุ้ง อาหารปลา และอาหารสัตว์บก

หุ้นน้องใหม่ไอพีโอ กำลังจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ด้วยการเสนอขายหุ้นจำนวน 109.30 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 2 บาท ในราคา13.50 บาทต่อหุ้นเป็นราคาสูงสุดในช่วงราคาที่ใช้ทำ Book building ที่ราคานี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 21.7 เท่า หากพิจารณาผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทช่วง 12 เดือนย้อนหลัง ถือเป็นระดับราคาเหมาะสม ขณะที่นักลงทุนสถาบันมียอดจองเกิน 6-7 เท่าเข้าซื้อขายวันแรก (เทรด) 29 ต.ค. 2564

ณ ปัจจุบัน TFM มีการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์สินค้าหลักของบริษัทได้แก่ โปรฟีด (PROFEED) นานามิ (NANAMI) อีโก้ฟีด (EGOFEED) แอคควาฟีด (AQUAFEED) และดี-โกรว์ (D-GROW) เป็นต้นโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์อาหารกุ้ง กำลังผลิต 153,000 ตันต่อปี ผลิตภัณฑ์อาหารปลา กำลังผลิต 90,000 ตันต่อปี และผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์บก กำลังผลิต 30,000 ตันต่อปี ซึ่งมีโรงงานผลิตสินค้า 2 แห่ง คือโรงงานมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร และ โรงงานระโนด อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา

“บรรลือศักร   โสรัจจกิจ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยนฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMให้สัมภาษณ์พิเศษ “หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ” ว่า การเข้าระดมทุนตลาดหุ้นครั้งนี้ !เพื่อมุ่งมั่นเป็น “ผู้นำ” ในการดำเนินธุรกิจผลิตอาหารสัตว์น้ำ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์เป็นเลิศ... สะท้อนผ่านภายหลังเข้าระดมทุนขยายธุรกิจใน“ต่างประเทศ”

สอดรับกับแผน 3-5 ปี (2564-2568) หลังบริษัทมี “แหล่งเงินทุน”ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามาช่วยสนับสนุนสร้างการเติบโตครั้งใหม่ บ่งชี้ผ่านบริษัทวางเป้าเติบโตระดับ 5-10% และเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3%

สำหรับแผนธุรกิจขยายการเติบโตในต่างประเทศ 1.การเซ็นสัญญาความร่วมมือทางเทคนิคและอนุญาตให้ AVANTI Feeds Limited (AVANTI)ผู้ผลิตอาหารกุ้งรายใหญ่ของประเทศอินเดีย ใช้ชื่อทางการค้า (Trade Name) และสูตรการผลิตสินค้าของ TFM สำหรับการจำหน่ายอาหารกุ้งในประเทศอินเดีย

2.การเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partner) ตั้งบริษัทย่อยเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย ชื่อว่า บริษัท พีที ไทยยูเนี่ยน คาริสม่าเลสทารี จำกัด (TUKL) โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจ 2 กลุ่ม คือ พันธมิตรท้องถิ่น PT Maxmar Summa Kharisma (PT MSK) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปอาหารแช่แข็งรายใหญ่ในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงมีการดำเนินธุรกิจฟาร์มเพาะเลี้ยงกุ้งโดยมีผลผลิตกุ้งประมาณ 6,500 ตันต่อปี และกลุ่ม AVANTI เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำรายใหญ่ในประเทศอินเดีย

โดย TFM, PT MSK และกลุ่ม AVANTI มีสัดส่วนการถือหุ้นใน TUKL เท่ากับ 65%, 25% และ 10% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ TUKL ตามลำดับ ปัจจุบัน TUKL อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักร กำลังการผลิตอาหารกุ้ง 36,000 ตันต่อปี คาดว่าจะสามารถติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จและเริ่มผลิตและจำหน่ายอาหารกุ้งได้ภายในสิ้นปี 2564

นอกจากนี้ TUKL ยังเล็งโอกาสทางธุรกิจในขยายธุรกิจไปยังธุรกิจการผลิตและจำหน่ายอาหารปลาในประเทศอินโดนีเซีย และมีแผนขยายธุรกิจไปยังธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำภายในปี 2566 โดยวางแผนลงทุนในสายการผลิตอาหารสัตว์น้ำเพิ่มเติมอีก 2 สายการผลิต ส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 36,000 ตันต่อปี คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณไม่เกิน 250 ล้านบาท

และ 3.การส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ประเทศศรีลังกา มาเลเซีย บังคลาเทศ พม่า ปากีสถาน และสาธารณรัฐมัลดีฟส์ เป็นต้น

“เงินระดมทุนที่ได้จะใช้ในการขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงในอนาคตใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จำนวนไม่เกิน 250-350 ล้านบาท ภายในเดือนมี.ค.65 เพื่อให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) หลัง IPO ต่ำกว่า 1 เท่า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ”

ท้ายสุด“บรรลือศักร” บอกไว้ว่า เงินระดมทุนจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจของ TFM ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะตลาดในประเทศไทยเท่านั้น บริษัท ยังได้มีการขยายธุรกิจไปยังประเทศที่อุตสาหกรรมสัตว์น้ำมีศักยภาพในการเติบโตสูง