รีสตาร์ท ‘ท่องเที่ยว’ ปลุกเศรษฐกิจ ลุ้นปี 66 พุ่ง 20 ล้านคนฟื้น 50%

รีสตาร์ท ‘ท่องเที่ยว’ ปลุกเศรษฐกิจ ลุ้นปี 66 พุ่ง 20 ล้านคนฟื้น 50%

รีสตาร์ทเครื่องยนต์เศรษฐกิจ “ท่องเที่ยว-ค้าปลีก” ยึดเวที “เวิลด์ ทราเวล มาร์ท” ประกาศเปิดประเทศ เจาะเป้าหมายแรกนักท่องเที่ยวยุโรป หวัง 5 เดือนไฮซีซั่นต่างชาติเยือนไทยไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน สร้างรายได้ 6 หมื่นล้าน แรงส่งปีหน้า 10 ล้านคน ปี 66 พุ่ง 20 ล้านคน หนุนตลาดฟื้น 50%

ภาคเอกชนระบุ “ไทยแลนด์พาส” ดันยอดจองห้องพักโรงแรม ยักษ์ใหญ่ “เซ็นทรัล” รับอานิสงส์ เปิดเมือง ส่ง 3 โครงการใหม่ “ศรีราชา-อยุธยา-จันทบุรี” โกยกำลังซื้อ

คิกออฟ เปิดประเทศ วันนี้ (1 พ.ย.) นับเป็นผลบวกโดยตรงต่ออุตสาหกรรมเสาหลักของประเทศไทยอย่างภาคการท่องเที่ยวและค้าปลีกที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับหลายภาคส่วนได้ “รีสตาร์ทธุรกิจ” ปลุกห่วงโซ่ซัพพลายเชนให้กลับมาหมุนเวียนสร้างความคึกคักในระบบเศรษฐกิจภายใต้มาตรการปลอดภัยขั้นสูงสุดเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ทุกพื้นที่มีความพร้อมในการเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งมาตรการด้านสาธารณสุข เช่น การเตรียมความพร้อมโรงแรมที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยหรือ SHA และโรงพยาบาลผู้ปฏิบัติการ รวมถึงการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมและซักซ้อมความเข้าใจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศสามารถยื่นเอกสารประกอบการเดินทางเข้าประเทศ “ไทยแลนด์พาส” (Thailand Pass) ผ่านเว็บไซต์ www.tp.consular.go.th แทนการยื่นใบอนุญาตขอเดินทางเข้าราชอาณาจักร (COE : Certificate of Entry) ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไป

อ่านข่าว : เปิดประเทศ 1 พ.ย. 64 ยังไม่พอฟื้นเศรษฐกิจ  

โดยระหว่างวันที่ 1-3 พ.ย.นี้ ททท.ได้เข้าร่วมงานมหกรรมส่งเสริมการขายสินค้าท่องเที่ยวระดับโลก “เวิลด์ ทราเวล มาร์ท” (World Travel Mart: WTM) ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยวันนี้ (1 พ.ย.) จะถือโอกาสประกาศ “เปิดประเทศ” ภายในงานดังกล่าวด้วย เพื่อสร้างการรับรู้และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรปซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในช่วงแรกของการเปิดประเทศ

“ททท.คาดการณ์ 5 เดือนจากนี้ (พ.ย.2564-มี.ค.2565) ซึ่งตรงกับช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซัน จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน ใช้จ่ายเฉลี่ย 60,000 บาทต่อคนต่อทริป สร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท”

 

  • หวังปีหน้าทัวริสต์ต่างชาติ10ล้านคน

ปี 2564 ประเทศไทยน่าจะมีรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศ 3.8 แสนล้านบาท เป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศราว 60,000 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ล้านคน ส่วนรายได้จากตลาดในประเทศราว 3.2 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยวไทย 60 ล้านคน-ครั้ง

ขณะที่ปี 2565 ตั้งเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน คิดเป็น 25% ของยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 40 ล้านคนในปี 2562 และมีรายได้รวม 1.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 50% ของรายได้รวมปี 2562  ซึ่งปิดที่ 3 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ คาดว่าปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน คิดเป็น 50% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2562 หนุนรายได้รวมเพิ่มเป็น 2.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัว 80% ของรายได้รวมปี 2562

 

  • ปรับอีเวนท์เคาท์ดาวน์ปลุกมู้ดเที่ยว

พร้อมกันนี้ ททท.จะเดินหน้าจัดกิจกรรม “Reopen Thailand : Culture & Tourism Festival” ในพื้นที่สีฟ้านำร่องการท่องเที่ยวและพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ โดยพิจารณาจากความพร้อมด้านสถานการณ์ในพื้นที่เป็นหลัก ได้แก่ ความครอบคลุมการได้รับวัคซีนและมีจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำ บนพื้นฐานมาตรการควบคุมโรคเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อการท่องเที่ยว

กิจกรรม Reopen Thailand: Culture & Tourism Festival จะเป็นการรวมพลังครั้งยิ่งใหญ่ของศิลปินพื้นบ้าน ศิลปินสาขาต่าง ๆ ทุกสังกัดทุกแนวเพลง ไปพร้อมกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งด้านสถานที่ท่องเที่ยว อาหารถิ่น เพื่อสร้างความสุขให้คนไทยหลังเผชิญวิกฤติโควิดลากยาวเกือบ 2 ปี 

“การปลดล็อกการท่องเที่ยวในประเทศ รักษาสมดุลระหว่างสาธารณสุขและเศรษฐกิจ เป็นกลไกช่วยให้กลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ตอบโจทย์การเปิดประเทศและสนับสนุนการพลิกฟื้นเศรษฐกิจต่อไป”

 

  • ลุ้น“ไทยแลนด์พาส”หนุนยอดจอง

นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต กล่าวว่า จากนโยบาย เปิดประเทศ 1 พ.ย. มีการเปิดระบบเพื่อยื่นขอเอกสาร ไทยแลนด์พาส จะช่วยให้นักท่องเที่ยวจองห้องพักล่วงหน้าได้มากกว่า 30 วัน เป็นล่วงหน้าภายใน 60 วัน ต่างจาก การขอ COE ที่ยื่นล่วงหน้าได้นานสุดเพียง 30 วัน ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนไทยมากขึ้น จากเงื่อนไขและความยุ่งยากซับซ้อนลดลง สอดรับพฤติกรรมการจองล่วงหน้าของนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น คาดว่าจะเริ่มเห็นยอดจองห้องพักล่วงหน้าชัดเจนขึ้นภายใน 15-30 วันจากนี้

ส่วนปริมาณ เที่ยวบินระหว่างประเทศ ตรงเข้าภูเก็ต สมาคมฯ ได้รับรายงานว่าเดือน พ.ย. มีสายการบินให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 17 สายการบิน รวม 825 เที่ยวบิน โดยอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (โหลดแฟคเตอร์) ของเที่ยวบินวันพฤหัสบดี-ศุกร์-เสาร์ สูง 80% เทียบวันอื่นๆ อยู่ที่ 40-45%

 

  • นักท่องเที่ยวเข้าภูเก็ตธ.ค.3แสนคน

สมาคมฯ คาดด้วยว่าธุรกิจโรงแรมในภูเก็ตจะมีอัตราการเข้าพัก 25-30% ในเดือน พ.ย. ส่วนหนึ่งได้ลูกค้าจากตลาดไทยเที่ยวไทย หลังจังหวัดภูเก็ตผ่อนปรนเงื่อนไขการเดินทางเข้าเมืองตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา และมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 มาช่วยกระตุ้นอีกแรง หนุนอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นจาก 18-20% ในเดือน ต.ค.

ส่วนเดือน ธ.ค. หากไม่มีการระบาดซ้ำทั้งในและต่างประเทศ คาดว่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศจะเดินทางเข้า สนามบินนานาชาติภูเก็ต วันละ 10,000 คนต่อวัน ฟื้นตัว 25% จากภาวะปกติมี 40,000 คนต่อวัน จะช่วยทำให้อัตราการเข้าพัก เดือน ธ.ค.เพิ่มเป็น 35% และโรงแรมในภูเก็ต กลับมาเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ในระดับ 20-25% ของโรงแรมทั้งหมดในภูเก็ต

“จากฉากทัศน์มีนักท่องเที่ยวเข้าภูเก็ตวันละ 10,000 คนต่อวันตลอดเดือน ธ.ค. คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อวันละ 30 คน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นผู้ป่วยสีเขียวหรือไม่มีอาการ ระบบสาธารณสุขของภูเก็ตยังรองรับได้ แลกกับการจ้างงานเพิ่มขึ้น 30% จะทำให้รูปแบบชีวิตปกติใหม่ของชาวภูเก็ตกลับมา สิ่งที่จะเกิดขึ้นทางเศรษฐกิจ คาดมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 3 แสนคน พำนัก 8 คืน ใช้จ่ายเฉลี่ย 6,800 บาทต่อคนต่อวัน สร้างรายได้ 16,320 ล้านบาท เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 35,000 ล้านบาท”

สำหรับไตรมาส 1 ปี 2565 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าภูเก็ตรวม 1 ล้านคน แม้จะเป็นการฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังถือว่าติดลบเมื่อเทียบกับภาวะปกติไตรมาส 1 ปี 2562 ที่มี 3 ล้านคน เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นตลาดหลักยังไม่สามารถออกท่องเที่ยวได้จากนโยบายของประเทศต้นทาง

 

  • AWC เปิด ร.ร.ใหม่ภูเก็ตรับเปิดประเทศ

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า ได้เตรียมเปิดตัวโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต ให้บริการนักท่องเที่ยววันที่ 9 พ.ย.นี้ จากปัจจุบัน โรงแรมในเครือ AWC  18 แห่ง เตรียมความพร้อมทุกด้านเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งด้านสุขอนามัย ความปลอดภัย และประสบการณ์การเดินทาง

"นโยบายเปิดประเทศ ส่งผลบวกให้ อัตราการจองที่พัก บางโรงแรมในเครือพุ่งสูงขึ้นกว่า 2 เท่าในเดือน ธ.ค. เทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เช่น โรงแรมวันนาเบล สมุย และ บันยันทรี กระบี่ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักอีกครั้งเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศไปด้วยกัน ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นทิศทางบวกในไตรมาส 4 นี้”

 

  • เกาหลีใต้จ่อบินตรง“เชียงใหม่”

นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทย (ภาคเหนือตอนบน) กล่าวว่า ขณะนี้สายการบินต่าง ๆ กำลังจับตาดูสถานการณ์และดีมานด์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในการกลับมาเปิดให้บริการ เส้นทางบินระหว่างประเทศ เข้าเชียงใหม่ อีกครั้งว่าจะคุ้มทุนหรือไม่ โดยในเดือน ธ.ค. จะเริ่มมีเที่ยวบินประจำของสายการบินโคเรียนแอร์ ความถี่ 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มทำการบินวันที่ 25 ธ.ค.นี้ นอกจากนี้ มีสายการบินอื่น ๆ ของ เกาหลีใต้ สนใจทำการบินเข้าเชียงใหม่  เช่น เอเชียน่าแอร์ไลน์ ขณะที่ เจจูแอร์ จะมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) เข้าเชียงใหม่เดือน พ.ย.นี้

ประเมินว่าเดือน พ.ย. โรงแรมในเชียงใหม่จะกลับมาเปิดให้บริการเพิ่ม 10-15% รับไฮซีซั่น เทียบเดือน ต.ค.ที่มีโรงแรมในตัวเมืองเชียงใหม่เปิดให้บริการ 30% และนอกเมือง เปิด 40-50%  โดยอัตราการเข้าพักเดือน พ.ย.-ธ.ค. จะเพิ่มขึ้นอีก 15-20% จาก ต.ค.ที่มีอัตราการเข้าพักพุ่งกระฉูดเป็น 40-60% เพราะได้อานิสงส์จากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3  เพิ่มขึ้นจาก ก.ย.ที่มีอัตราการเข้าพักเพียง 10-15%

 

  • เอกชน“พัทยา”โวยขายแอลกอฮอล์ไม่ได้

นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ตามที่ ศบค.กำหนดให้ร้านอาหารใน 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ สามารถขายและ นั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ ภาคเอกชนท่องเที่ยว เมืองพัทยา อยากให้ ศบค.พิจารณาให้ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่สีฟ้า นำร่องการท่องเที่ยว 17 จังหวัด สามารถขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้เช่นกัน โดยเริ่มจากร้านอาหารและโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน SHA

ขณะที่นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า กำหนดให้ร้านอาหารที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนั่งดื่มในร้านได้ เฉพาะร้านและโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน SHA จาก ททท. และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เท่านั้น ซึ่งขณะนี้้มีประมาณ 3,000 กว่าแห่งในกรุงเทพฯ

 

  • เซ็นทรัลส่งศูนย์การค้าใหม่โกยกำลังซื้อ

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา เซ็นทรัลเฟสติวัล เซ็นทรัล ภูเก็ต และเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ต กล่าวว่า วันที่ 1 พ.ย. นี้ นับเป็นสัญญาณที่ดีของการเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดเพื่อผลักดันการ เปิดเมือง ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิผล หากประเทศไทยสามารถควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ได้ เชื่อว่าปี 2565 สถานการณ์จะคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนาได้เตรียมความพร้อมรองรับ การเปิดเมือง โดยจะทยอยเปิดบริการ 3 ศูนย์การค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ เซ็นทรัล ศรีราชา เมื่อ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา เซ็นทรัล อยุธยา วันที่ 30 พ.ย. และเซ็นทรัล จันทบุรี เดือน มี.ค.2565 เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างงาน และสร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ