ยังออกข้าง (ประจำวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564)
วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นเพียงช่วงสั้นในภาคเช้า หลังจากนั้นแกว่งตัวในกรอบแคบ ปิดทรงตัว มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มโรงแรม เช่นหุ้น AOT, CRC, AWC
ปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังเรื่องยารักษาโควิด-19 จะทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น แต่มีแรงขายในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์นำโดย DELTA ที่มีปัจจัยเฉพาะตัวเรื่องเกณฑ์ใหม่ในการคำนวณดัชนี SET50/100 ซึ่ง DELTA -13.5% ส่งผลต่อดัชนีราว -6.5 จุดส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,626.13 จุด -0.09 จุด -0.01% มูลค่าการซื้อขาย 86,640 ลบ.ต่างชาติ +2,764.79 ลบ. TFEX -8,541 สัญญา ตราสารหนี้ +4,915.18 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 104.27 จุด +0.29% ดัชนี S&P500 ทำสถิติใหม่ ขานรับสภาคองเกรสสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้แข็งแกร่งขึ้น ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มวัสดุ
+ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ +0.8% ปิดที่ 81.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ปัจจัยบวกจากการที่สภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกม.ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ
+ ญี่ปุ่นรายงานว่าไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่จากโรคโควิด-19 เมื่อ 7 พ.ย. นับเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เดือนหลังมีความคืบหน้าในการกระจายวัคซีนและยารักษาโควิด
+ สหรัฐเตรียมประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามชาวต่างชาติจากกว่า 30 ประเทศเดินทางเข้าประเทศอย่างเป็นทางการ
+ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค.64 ปรับขึ้นจากก.ย.ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าแตะระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือนเนื่องจากการคลายล็อกดาวน์ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐ รวมถึงคำสั่งซื้อสินค้าช่วงเทศกาลปีใหม่
+ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในประเทศวันนี้ต่ำกว่า 7,000 ราย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 6,904 ราย ATK 1,497 ราย มีผู้เสียชีวิต 61 ราย รักษาหาย 8,024 ราย
ปัจจัยลบ
- อดีตรมว.กระทรวงพลังงานสมัยนายโดนัลด์ ทรัมป์โจมตีนโยบายพลังงานของคณะบริหารภายใต้การนำของปธน.โจ ไบเดน ระบุว่านโยบายดังกล่าวจะเป็นตัวกระตุ้นเงินเฟ้อ การมีข้อจำกัดด้านอุตสาหกรรมน้ำมันสหรัฐและต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอาจนำชาติไปสู่หายนะได้
- ผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปจับตาปัญหาแร่แมกนีเซียมขาดแคลน แต่คาดยังไม่กระทบการผลิต
- กรมอุทกศาสตร์เตือน น้ำทะเลหนุน สูงช่วง 05.00 – 20.30 น. ของทุกวัน ถึง 14 พ.ย. 64
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด นักลงทุนยังติดตามผลการประกาศประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และสถานการณ์น้ำท่วม กทม. ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1620-1,633 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้น Reopening Play : หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW CENTEL AWC SHR AOT AAV BA หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN CRC MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร AU M ZEN หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL BJC MAKRO
• หุ้นได้ประโยชน์จากธปท.คลายกฏ LTV เน้นลงทุนหุ้นอสังหาฯ P/E ต่ำ แนะนำ LH QH AP SPALI SIRI ORI LALIN PSH
• ยอดส่งออกเดือน ก.ย. เติบโต TU NER TWPC SKN HTECH
• หุ้นที่คาดว่าผลประกอบการ 3Q64 ออกมาดี GULF EKH KCE WICE SKN
หุ้นรายงานพิเศษ
PIN - บมจ. ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (ราคา IPO 3.90 บาท)
•ประกอบธุรกิจพัฒนาและบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและระยอง พร้อมระบบสาธารณูปโภค ประเภทอาคารโรงงานและคลังสินค้าเพื่อเช่าและขายสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม รวมถึงลงทุนและได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ (PPF)
•สัดส่วนรายได้ในปี 63 แบ่งเป็น 1.รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 78% 2.รายได้จากการให้เช่าและบริการ 17% และอื่นๆ 5% รายได้ปี 61-63 เท่ากับ 965 ลบ. 867 ลบ. และ 1,128 ลบ. ตามลำดับ CAGR=8% ต่อปี ในปี63 รายได้ +30%YoY สาเหตุจากการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมได้มากกว่าปีก่อนหน้า ส่งผลให้มีกำไรสุทธิที่ 215 ลบ. 206 ลบ. และ 347 ลบ. ตามลำดับ กำไรปี62 -4%YoY ปี63 +68%YoY ช่วง 1H64 มีรายได้ 326 ลบ. +9.8%YoY สาเหตุจากการขายที่ดินที่พัฒนาแล้วในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 99 ลบ. +78.7%YoY
•เสนอขายหุ้นจำนวน 290 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.00 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ มูลค่าการเสนอขาย 1,131 ลบ. Par 1 บาท มูลค่าตลาดณ ราคาIPO เท่ากับ 4,524 ลบ. วัตถุประสงค์การใช้เงิน 1.การลงทุนในโครงการพื้นที่โลจิสติกส์แห่งใหม่ 770 ลบ. 2. ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 275 ลบ. 3.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ 47.2 ลบ.
•มีหุ้นที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 204 ล้านหุ้น หรือ 17.55%ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท
•P/E เสนอขายที่ 10.11x เทียบกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจคล้ายกันได้แก่ WHA 19.7x, AMATA 19x, ROJNA 8.5x และ NNCL 12.8x
หุ้นมีข่าว
(+) SABUY ( ฺBloomberg Consensus 16.00 บาท) ประกาศลงทุนครั้งใหญ่ปิดดีลใหม่ 6 ดีล มูลค่าลงทุนกว่า 1.58 พันล้านบาท ตั้งเป้าเบอร์ 1 ตู้เวนดิ้งภายในสิ้นปี 2565 คาดจำนวนตู้แตะ 1 หมื่นตู้ ผุดสาขาไปรษณีย์เอกชนเกิน 5 พันแห่งสิ้นปีนี้ บอสใหญ่ "ชูเกียรติ รุจนพรพจี" คาดรายได้ปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 50% ฟากโบรกชี้ดีลใหม่ดันกำไร เพิ่ม 200-250 ล้านบาท ดันอัพไซด์พุ่ง 70-80% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) TM ( ฺBloomberg Consensus - บาท) ยอดขายกลุ่มสินค้าอุปกรณ์และวัสดุสิ้นเปลือง และชุดตรวจโควิด ATK หนุนงบ 9 เดือน พุ่ง 77.8 % ฟาก "สุนทรี จรรโลงบุตร" ย้ำเป้ารายได้ทั้งปีที่ 700 ล้านบาท ชี้โค้งท้ายยอดขายเข้าสู่ภาวะปกติ สินค้ากลุ่มเครื่องมือผ่าตัดฟื้น ใส่เกียร์ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) KEX (Bloomberg Consensus 45.00 บาท) “เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” จับมือ “เบทาโกร” เปิดตัว “KERRY COOL” แพลตฟอร์มขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยรายแรกในไทย ทุ่ม 1,000 ล้านบาท รุกบริการทั่วไทย คาด 3-5 ปี ขึ้นเบอร์หนึ่งของตลาด และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) SMT (Bloomberg Consensus 8.00 บาท) กางแผนปี 65 วางเป้ารายได้ 3,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปี 64 ที่คาดรายได้ลดลง 5-7% จากเป้าทั้งปี 2,593 ล้านบาท เหตุเจอโควิด-19 กระทบแรงช่วงไตรมาส 3 แต่มั่นใจไตรมาส 4 ฟื้นตัวทำรายได้สูงสุดของปี พร้อมเร่งปิดดีลูกค้ารายใหญ่ไม่ต่ำ 2 ราย มั่นใจได้ยอดขายเพิ่มอีก 1,000-2,000 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)