พฤกษาเบรกคอนโดลักชัวรี หันรุกบ้านเดี่ยวระดับกลาง

พฤกษาเบรกคอนโดลักชัวรี  หันรุกบ้านเดี่ยวระดับกลาง

พฤกษา เผยแผนปี 65 ผุด 31-35 โครงการใหม่ มูลค่า 2.5-3 หมื่นล้าน เบรกคอนโดลักชัวรี หันผุดระดับราคา 3-5 ล้าน 6 โครงการพร้อมลุยแนวราบ 5-7 ล้าน ตั้งเป้ายอดขายโตกว่า 10% เหนือตลาด

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2565 บริษัทมีแผนเปิด 31-35 โครงการใหม่ มูลค่า 25,000-30,000 ล้านบาท เน้นตลาดบ้านเดี่ยวมากขึ้น เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีระดับรายได้ 40,000-200,000 บาทต่อเดือน ซึ่งยังคงเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ 

“พฤติกรรมคนยุคนิวนอร์มอลนิยมเลือกบ้านแนวราบมากกว่าคอนโดมิเนียม จึงโฟกัสเซ็กเมนต์กลาง 3-5 ล้านบาทแต่ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวจะเน้นระดับราคาตั้งแต่ 5-7 ล้านบาทเป็นหลัก”

ส่วนปัจจัยที่ทำให้กังวลในปีหน้าคือภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยว่าจะมีตัวขับเคลื่อนอะไรที่กระตุ้นเศรษฐกิจและการเปิดประเทศจะได้รับการตอบรับมากน้อยแค่ไหน จากข้อมูลเชื่อว่ากลุ่มคนจีนจะกลับมาช่วงกลางปีหน้า ทำให้ในระหว่างนี้ต้องหันไปหาลูกค้าชาวไต้หวัน ฮ่องกง มากขึ้น 

แต่ถ้าเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์เซ็กเมนต์ที่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทลงมาคนที่มีระดับรายได้ 10,000-20,000 บาทต่อเดือน เป็นกลุ่มที่สำคัญ หากรัฐบาลหรือธนาคารช่วยเรื่องการปล่อนสินเชื่อจะส่งผลดีกับตลาดอสังหาฯในภาพรวมมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญ

"บริษัทมีที่ดินสำหรับสร้างคอนโดมิเนียม มูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมีการขายที่ดินออกไปบางส่วนเพราะเป็นที่ดินอยู่ในเซ็กเมนต์ไฮเอนด์ ขายตารางเมตรละกว่า 200,000 บาท ซึ่งไม่เหมาะที่เปิดโครงการในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ต้องเบรกโครงการออกไปเพราะต้องใช้เงินลงทุน 6,000-7,000 ล้านบาทต่อโครงการ เสี่ยงเกินไป หรือรอให้ภาวะเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นค่อยเปิดโครงการอีกครั้ง”

ดังนั้นในปีหน้าจะเปิดคอนโดมิเนียมอย่างน้อย 6 โครงการ ระดับราคา 3-5 ล้านบาทมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีราคา 200,000 บาทต่อตารางเมตร หรือยูนิตละ 8 ล้านบาทขึ้น เบรกไว้ก่อน คาดว่าปีหน้าทั้งยอดขาย รายได้กำไรเติบโต กว่า 10% สูงกว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์
 

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 9 เดือน มีมูลค่า 223,614 ล้านบาท เติบโต 7% โดยตลาดบ้านเดี่ยวเติบโตสูงขึ้นอย่างชัดเจนถึง 30% ขณะที่เซ็กเมนต์อื่น ติดลบ หรือทรงตัว ส่วนสินค้าคงค้าง (Inventory) ในตลาดมี 204,199 ยูนิต ลดลง 8% เทียบปีที่ผ่านมา โดยสถานการณ์ 9 เดือนที่ผ่านมา ค่อนข้างมีความกดดัน มีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจและการล็อกดาวน์ ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดโครงการออกไป แต่ภาพรวมผลประกอบการยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

โดยสามารถทำยอดขาย 9 เดือนแรกได้ 20,067 ล้านบาท เติบโต 24% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำรายได้ 19,192 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันที่ของที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 1,364 ล้านบาท โดยสามารถลดสินค้าคงค้างลงไปได้ถึง 57% จากปีก่อน และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) 22,958 ล้านบาท

9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทเปิด 22 โครงการใหม่ มูลค่า 13,040 ล้านบาท ซึ่งไตรมาส 4 มีแผนเปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่า 8,540 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ บ้านเดี่ยว 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ ซึ่งนโยบายผ่อนปรนมาตรการแอลทีวี ทำให้ลูกค้ากู้ได้ 100% ไม่ต้องวางเงินดาวน์ พฤกษายังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วยแคมเปญโปรโมชั่น