บิ๊กคอร์ปลุย"ดิจิทัลแอสเสท"ผนึกพันธมิตรปลุกเศรษฐกิจนิวเอสเคิร์ฟ
ธุรกิจยักษ์ใหญ่ตบเท้าลงสมรภูมิ "คริปโทเคอร์เรนซี-โทเคนดิจิทัล" รับเมกะเทรนด์โลกไม่ปรับตัวตกขบวน "อสังหา-ค้าปลีก" จับขั้วพันธมิตรบูมตลาดหนักหนุนความเชื่อมั่นลูกค้า เร่งสร้างอีโคซิสเท็ม เสริมแกร่งเศรษฐกิจหลังโควิด กรุยทางสู่ “นิวอีโคโนมี”
วิกฤติโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่รอบด้าน โดยเฉพาะเมกะเทรนด์สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ทั้งสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัล ที่บรรดาผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก สายการบิน โรงแรม ฯลฯ โดดลงมาในสมรภูมินี้อย่างคึกคัก ซึ่งรอบ 1 เดือนที่ผ่านมามีการประกาศความร่วมมือระหว่าง “พันธมิตรบิ๊กคอร์ป” ไม่ว่าจะเป็น เดอะมอลล์ ผนึก “บิทคับ” อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ร่วมกับบิทคับ รับชำระเงินซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมทุกโครงการด้วยเงินดิจิทัล เช่นเดียวกับ ออริจิ้น ชาญอิสระ แอสเซสไวส์ เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์
ขณะที่ สิงห์ เอสเตท จับมือกับ Genesis Block ในฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระบบนอกตลาด (OTC) เปิดทางให้ชาวต่างชาติที่ถือสกุลเงินดิจิทัลสามารถซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ส่วน MQDC เจ้าพระยามหาคร เอสซี แอทเสท แกรนด์ แอสเเสท ใช้แพลตฟร์มของ Zipmex รับคริปโทฯ ล่าสุด “กลุ่มสยามพิวรรธน์” เปิดตัว “วันสยามซูเปอร์แอพ” เป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลที่จะมีการใช้คริปโทฯ และโทเคนฯ ร่วมกับ 13 อุตสาหกรรมหลักของประเทศเข้าร่วมถือเป็นการสร้างอีโคซิสเท็มครั้งใหญ่และเต็มรูปแบบ
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สินทรัพย์ดิจิทัล จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ที่สำคัญจะเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจและสร้างรายได้ เนื่องจากลูกค้าหลักของแอสเซทไวส์เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้คริปโทฯ
ปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่สัดส่วน 30-40% นักลงทุน 20-30% ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแอสเซทไวท์ในการทำดิจิทัลแอสเสท คู่ขนานกัน รองรับกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและขยายโอกาสทางธุรกิจที่แตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยการโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่ในมือก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีควาสนใจและศักยภาพในการซื้ออสังหาฯ เพื่อการลงทุน ในรูปแบบของ “AssetToken” ต่างจาก “หุ้น” ตรงที่สามารถซื้อขาย (Trade) ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง 7 วัน โดยไม่ต้องรอเวลาตลาดเปิด-ปิด
“การเข้ามาของ ดิจิทัลแอสเสท ถูกจังหวะเวลาในการเพิ่มโอกาสในการขายอสังหาฯ เพราะอนาคตการทำธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญไปสู่โลกดิจิทัลเต็มรูปแบบ หากไม่ปรับตัว หรือปรับเปลี่ยนที่เร็วพอ จะถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดหรือล้มหายตายจากไปในที่สุด”
ชี้เมกะเทรนด์โลกไม่ปรับตัวตกขบวน
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิกฤติโควิดทำให้ธุรกิจอสังหาฯ ต้องปรับตัวรอบด้านรองรับกับความต้องการของลูกค้าในอนาคต รวมถึงการเปิดโอกาสนักลงทุนรุ่นใหม่ทั้งสายเทรดและสายฟาร์มเลือกซื้อบ้านและคอนโดมิเนียม ผ่าน “บิทคับ” รองรับเหรียญคริปโทฯ 3 สกุลได้แก่ อีเธอเรียม เทเทอร์ และบิทคอยน์
"Digital Tokens เป็นเมกะเทรนด์โลก หากใครไม่ปรับตัวจะตกขบวน ขณะที่อสังหาฯ เป็นสินค้ามูลค่าสูงต้องใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้นการชำระด้วยคริปโทฯ จึงสะดวก รวดเร็ว สามารถกดโอนได้ทันทีไม่ถึง 20 นาทีได้รับเงินแล้ว เทียบกระบวนการเดิมใช้เวลา 7-14 วัน กรณีที่มีเงินสดทำให้ไม่เสียโอกาส ยิ่งถ้าเป็นการซื้อขายกับต่างประเทศ ทำให้ง่ายขึ้น ฉะนั้นการจ่ายเงินซื้อบ้านยุคนี้ต้องเป็นคริปโทฯ หลังจากเปิดตัวแคมเปญมีการตอบรับที่ดีทั้งลูกค้าไทยและต่างชาติ"
ต่อยอดระดมทุน"แบล็คโทเคน"
ในปี 2565 บริษัทมีแผนออกเหรียญ “P Coin” เพื่อนำมาใช้ในแพลตฟอร์มของออริจิ้นได้เสมือนเป็นคูปองดิจิทัล ในอนาคตเหรียญ P Coin สามารถลิงค์กับ J Fin Coin ของเจ มาร์ท ได้ด้วยเป็นการเชื่อมโยงอีโคซิสเท็ม ออริจิ้นกรุ๊ป กับเจ มาร์ทกรุ๊ป
ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาวิธีการระดมทุนในรูปแบบของ “เรียลเอสเตท แบล็คโทเทน” คล้าย สิริฮับโทเคน เนื่องจากออริจิ้นทำคอนโดมิเนียมที่มีการลงทุนขายไปแล้วลงทุนกลับมาให้กับลูกค้า โดยการเปลี่ยนจากการขายเป็นยูนิตมาขายเป็นตารางฟุต ซึ่งมีลักษณะคล้ายรีท ที่มีผลตอบแทนจากการลงทุนแบบ Decentralized จะทำให้คนตัวเล็กเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้นด้วยการลงทุนผ่านโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน ผู้ถือจะได้รับสิทธิเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ คล้ายคลึงกับการถือหน่วยลงทุน เช่น สิทธิจากส่วนแบ่งรายได้ หรือผลกำไรจากการลงทุน ตามสัดส่วนโทเคนที่เข้าไปลงทุน ซึ่งเป็นแนวทางการทำดิจิทัลแอทเสทของออริจิ้น
คริปโทฯ แรงส่งอสังหาปี 65
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทร่วมกับ Zipmex แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดรับ 5 สกุลเงินดิจิทัลซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมทุกแห่ง ตั้งแต่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา รองรับการขยายฐานลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ
ทั้งนี้ เอสซี แอสเสทวางโรดแมพปี 2565 โดยจะมีการ “SC Morning Coin” ซึ่งเป็น utility token เพื่อประโยชน์ของพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และนักลงทุนที่หลากหลายรวมกว่า 4 แสนคนภายในอีโคซิสเท็มของ เอสซี แอสเสทเป็นการต่อยอดจาก SC token ที่ปัจจุบันใช้ภายในองค์กรอยู่แล้ว ตามด้วยการทำ ICO (Initial Coin Offering) ซึ่งเป็น security token เพื่อการระดมทุนภายใน 3 ปีนี้ ปัจจุบัน บริษัทมีสินทรัพย์ที่สร้าง recurring income มูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท และมองหาโอกาสการทำ NFT (Non-Fungible Tokens) ในปีหน้า
ปัจจุบัน market cap ของคริปโทฯ มีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ เติบโตจากปี 2562 ถึง 10 เท่า ขณะที่จำนวนผู้ใช้คริปโทฯ ในต้นปี 2564 มีมากกว่า 100 ล้านคน เพิ่มจากเดิม 35 ล้านคนภายใน 2 ปี และมีการคาดการณ์จากกลุ่ม SFA (Singapore FinTech Association) ระบุว่าจะเติบโตจาก 100 ล้าน เป็น 300 ล้านคนในปี 2564
“การที่ผู้ใช้มีความคุ้นชิน ได้รับความสะดวก และมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่จะทำให้คริปโทฯ ได้รับความนิยมมากขึ้นอีกในอนาคต จำนวนผู้ใช้คริปโทฯ ที่มากขึ้น และดีมานด์ของอสังหาฯ ที่สูงขึ้นจากการเปิดประเทศ จะเป็นแรงส่งสำคัญขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาฯ ปี 2565"
“XSpring”เรือธงโลกการเงินดิจิทัลแสนสิริ
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จากจุดแข็งของแสนสิริที่มีการพัฒนาโครงการมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท และจำนวนฐานลูกค้าในมือกว่า 1 แสนราย ทำให้มองเห็นถึงโอกาสจากการเปิดรับสกุลเงินดิจิทัล สามารถใช้คริปโทฯ ซื้อบ้าน และคอนโดมิเนียมของแสนสิริได้ทุกโครงการ รวมถึงยังใช้จ่ายค่าส่วนกลางได้ ซึ่งจะเป็นอีกก้าวของการเติบโตในการสร้างรายได้เพิ่ม โดยเปิดรับคริปโทฯ 4 สกุล ได้แก่ Bitcoin, Ethereum (ETH), USDC และ USDT ผ่านทาง Bitazza
โดยแสนสิริ ได้เข้าลงทุนใน “XSpring” หรือ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจรที่เชื่อมโลกการเงินปัจจุบันกับโลกการเงินดิจิทัล โดยแสนสิริเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท
รับเงินดิจิทัล6สกุลหลัก
นางสาวอัญชลี เลิศสุวรรณรัชต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มการซื้ออสังหาฯ โดยใช้ ดิจิทัล แอสเสท มีมากขึ้นในอนาคต เบื้องต้นโครงการ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” ร่วมกับ ซิปเม็กซ์ ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับการซื้อห้องชุดโดยชำระผ่าน คริปโทฯ โดยรองรับเหรียญหลัก 6 สกุลทั้งสายเทรด และสายฟาร์มได้แก่ บิตคอยน์, อีเธอเรียม, เทเทอร์, ริปเปิล, ไลท์คอยน์ และ ZMT (Zipmex Token) ลูกค้าสามารถชำระผ่านวอลเล็ทจากซิปเม็กซ์
“โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก มีการลงทุนแบบใหม่ การหาผลตอบแทนแบบใหม่ จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่างพันธมิตรเพื่อตอบสนองความต้องการที่ รวดเร็ว สะดวกสบาย ให้ลูกค้า ถือว่าเป็นการก้าวเข้าสู่โลกแห่งการลงทุนยุคใหม่”
ยักษ์ค้าปลีกลุยใช้จ่ายเงินดิจิทัล
นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ผู้พัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพกล่าวว่า วันแพลตฟอร์ม"ONESIAMSuperApp”ซูเปอร์แอพพลิเคชันจะเป็นเครื่องมือสำคัญก้าวสู่เศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ พร้อมต่อยอดทุกรูปแบบเชื่อมโยงคู่ค้าพันธมิตร 13 อุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย เข้าถึงลูกค้าชาวไทยและทั่วโลก
สยามพิวรรธน์ มีแผนขยายบริการครอบคลุม “สินทรัพย์ดิจิทัล” และดิจิทัลยูทิลิตี้ พร้อมเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนและใช้คะแนนสะสมจากพันธมิตร เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนและการใช้ VIZ COIN เพื่อใช้ซื้อสินค้าได้คุ้มค่าและสะดวก ก่อนหน้านี้ได้ร่วมกับ Zipmex ในการแลกซื้อคอลเลกชันเอ็กซ์คลูซีฟผ่าน Zipmex Token (ZMT) ปี 2565 จะร่วมกับ X Spring และ เจ เวนเจอร์ส สร้างประสบการณ์ใหม่ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจร และเตรียมขยายศักยภาพการเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริงบนเมทาเวิร์ส (Metaverse)
ทางด้าน นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ได้ร่วมทุนกับ "บิทคับ" จัดตั้ง บริษัท บิทคับ เอ็ม จำกัด ในสัดส่วน 50:50 เพื่อร่วมลงทุนและบริหาร “บิทคับ เอ็ม โซเชียล” ศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยน ความรู้ การจัดสัมมนาและการประชุมทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัล การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล สนับสนุนการสร้างองค์ความรู้สำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ทั้งยังเป็นแหล่งพบปะของนักลงทุนที่สนใจในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งชาวไทยและต่างชาติ เป็นศูนย์กลางการเทรดและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงมี NFT Gallery & Gaming และนำเข้าสู่โลกของ METAVERSE ในอนาคต
ขณะที่ กลุ่มเซ็นทรัล ภายใต้บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ“เซ็นทรัล รีเทล” อยู่ระหว่างพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล “C-Coin” ทดลองใช้กับพนักงานในเครือกว่า 1,000 ราย ที่จะได้รับ“C-Coin”เป็นโบนัสพิเศษ และสามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าภายในเครือเซ็นทรัล ซึ่ง C-Coin แซนด์บ็อกซ์นี้ อยู่ระหว่างกระบวนการเรียนรู้ พัฒนาประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะทยอยขยายการใช้ครอบคลุมพนักงานกลุ่มเซ็นทรัลทั่วโลกกว่า 80,000 คน ในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับ“พนักงาน”เพื่อรองรับการใช้ของ“ลูกค้า”ในอนาคตเมื่อพร้อม 100% โดยยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน
สายการบินเตรียมรับคริปโทฯ
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด กล่าวว่า จากพฤติกรรมของผู้บริโภคในการจองร้านอาหาร ตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก แพ็คเกจทัวร์ หรือจองบริการดิลิเวอรี่ ต้องแยกจองหรือใช้งานในแต่ละแอพพลิเคชันแตกต่างกัน กลุ่มแอร์เอเชียจึงมุ่งผลักดันให้ “แอร์เอเชีย ซูเปอร์ แอพ” (airasia super app) ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นไลฟ์สไตล์ที่เข้ามาทำทุกอย่างได้ตั้งแต่บริการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก แพ็คเกจทัวร์ รถ สั่งอาหาร รวมถึงบริการการจองทุกอย่าง ในอนาคตจะต่อยอดเรื่องการเงินการธนาคาร รวมถึงคริปโทฯ คาดว่าภายใน 1 เดือนนี้จะสามารถใช้ได้
“แม้ในวันนี้ภาคท่องเที่ยวอาจไม่ค่อยพร้อม เพราะยังได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ที่ยาวนานเกือบ 2 ปี แต่ถ้าผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยไม่เปลี่ยนตัวเองให้เป็นสวรรค์ของผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ผมมองว่าเราอาจจะช้าไป ทั้งที่เราสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นยูนิคอร์นของการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลได้ ซึ่งตรงกับยุทธศาสตร์ของกลุ่มแอร์เอเชีย”
รายงานข่าวระบุว่า ทางสายการบินบางกอกแอร์เวย์สกำลังเร่งประสานกับบิทคับ (bitkub) เพื่อจะเริ่มรับสินทรัพย์ดิจิทัลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 เป็นต้นไป เริ่มนำร่องที่สำนักงานขายบัตรโดยสาร อาคารสำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ เป็นแห่งแรก หลังจากนั้นสำนักงานขายอื่นๆ จะทยอยตามมา รวมถึงช่องทางออนไลน์ในอนาคต