U กำไรถือหุ้น JMART-SINGER กว่า 6 พันล้าน เดินหน้าลุยธุรกิจไฟแนนซ์
เป็นที่รู้กันดีว่า บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน)หรือ U เป็นแกนหลักในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ“กลุ่มบีทีเอส” หลังจากเข้ามาถือหุ้นในปี 2558 และเมื่อโควิด-19ระบาด
ส่งผลกระทบธุรกิจอย่างหนักทำให้ปี 2563 ขาดทุนกว่า 6,000 ล้านบาท ทำให้"กลุ่มบีทีเอส" ตัดสินใจบอกลาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หันไปดำเนินธุรกิจไฟแนนซ์ จากมองเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตในอนาคตและสร้างผลตอบแทนที่ดี
พร้อมประกาศเตรียมขายอสังหาริมทรัพย์ในมือทั้งหมดมูลค่าอีกประมาณ 20,000 ล้านบาท เช่น โรงแรมในไทยและยุโรป ที่ดินเปล่า ,คอนโดมิเนียมต่างๆ อาคารพาณิชย์ให้เช่า โรงเรียนนานาชาติ ฯลฯ ภายใน 2-3 ปี จาก ล่าสุดประสบความสำเร็จขายในการขายกลุ่มโรงแรมเวียนนา เฮ้าส์ มูลค่า5,229 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีกำไรจากการขายโรงแรมดังกล่าวประมาณ200-300 ล้านบาท
“ กวิน กาญจนพาสน์”กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวว่า พอเกิดโควิด-19 เราคิดว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่คำตอบในตอนนี้ เราจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจใหม่ เพราะ ด้วยประสบการณ์ของ “ คีรี กาญจนพาสน์ ” ซึ่งอายุ 70 ปี ได้ผ่านวิกฤติต่างๆมาหลายครั้ง สิ่งที่เราเรียนรู้จากวิกฤติ คือ เราต้อง Move Very Fast ธุรกิจไหนดีก็ทำต่อไป ธุรกิจไหนไม่ดีก็ต้องถอย แต่สำหรับเราไม่ใช่แค่ถอย ถอยแล้วต้องคิดใหม่ และเรามองว่าธุรกิจไฟแนนซ์เป็นคำตอบของเรา
ดังนั้นจึงตัดสินใจเข้าไปลงทุน บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ที่ราคาหุ้นละ 30.3370 บาท และบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ที่ราคาหุ้นละ 36.3005บาท ปัจจุบันราคาหุ้นJMART และ SINGER ขึ้นมาอยู่ที่ระดับกว่า 50 บาทต่อหุ้น ซึ่ง ได้หุ้นมาไม่กี่วันก็มีกำไรกลับมาแล้วกว่า 6,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ ยูซิตี้ ขาดทุน 6,610.75 ล้านบาท ซึ่งแม้วันนี้เราไม่ได้ขายหุ้นออกมาแต่มูลค่าก็เพิ่มขึ้นแล้ว ซึ่งดีกว่าถืออสังหาริมทรัพย์ที่มีแต่จะขาดทุนทุกวัน
“เมื่อโควิด-19 ระบาดทำให้ผมและคุณคีรี ตกใจแล้วคิดว่าการลงทุนอสังหาผิดหรือเปล่า ช่วงเวลานั้นถือว่าผิด แต่เรากล้าข้อนึง คือถ้าคิดว่าผิด พรุ่งนี้เราเปลี่ยน เราก็ไปอธิบายให้ผู้ถือหุ้นฟังอสังหาขาดทุนทุกวัน ปี2563 ยู ซิตี้ ขาดทุนกว่า 6 พันล้านบาท แต่เราบอกผู้ถือหุ้นไม่ต้องกลัว เราจะเอากลับมาให้ได้”
สาเหตุที่เข้าไปลงทุนใน“กลุ่มเจมาร์ท” เพราะ “กลุ่มบีทีเอส” เราขาดคนที่รู้จักคริปโทเคอเรนซี บล็อกเชน และ NFT ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลก ซึ่งกลุ่มเจมาร์ท เป็นบริษัทเดียวของไทยที่มีการออกเหรียญดิจิทัล โทเคน “เจฟินคอย์ ” โดยกลุ่มเจมาร์ท จะเข้ามาเต็มอีโคซิสเต็มของกลุ่มบีทีเอส ที่จะมาช่วยในด้านคริปโทฯและอะไรที่ทันสมัย ซึ่งในปี 2565 ประมาณเดือน ก.พ. หรือ มี.ค. กลุ่มบีทีเอส จะรับ เหรียญเจฟินคอย์ มาชำระค่าบริการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทำระบบเพื่อรองรับการดำเนินการดังกล่าว นอกจากนี้ยังสามารถต่อยอดธุรกิจด้วยกันได้
สำหรับยูซิตี้ จะดำเนินธุรกิจด้าน ไฟแนนซ์ เซอร์วิส ขณะนี้ประกอบด้วย ธุรกิจประกัน คริปโท และมีแผนขยายการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น จากบริษัทมีเงินจากการขายอสังหาออกมา ซึ่งธุรกิจประกัน ยูซิตี้ ได้เข้าไปซื้อหุ้น 75% ในบริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ จำกัด (มหาชน) (A LIFE) มูลค่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ (รีแบรนด์) ให้เป็นที่คนรู้จัก และมีความมั่นคง เพราะ คนซื้อประกันก็จะซื้อกับบริษัทประกันที่มีชื่อเสียง และปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดลองเอาสินค้าของ A LIFE ให้ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน)หรือ VGI ช่วยขายโดยการขายประกันจะขายผ่านออนไลน์เป็นหลัก แต่ก็จะมีตัวแทนด้วยเพราะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่จะยังคงซื้อประกันกับตัวแทน