ไทยใช้สิทธิจีเอสพี ปี 64 โต 28 % สหรัฐยังครองแชมป์ไทยใช้สิทธิสูงสุด
กรมการค้าต่างประเทศ เผย ไทยใช้สิทธิจีเอสพี ปี 64 มูลค่า 3,612.68 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28.14% ตลาดสหรัฐ ครองอันดับ 1 ใช้สิทธิจีเอสพี 3,317.02 ล้านดอลลาร์ เพิ่มสูงถึง 31.65% แม้ถูกตัดสิทธิ
นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถิติการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือจีเอสพี( GSP )ทั้ง 4 ระบบที่ไทยได้รับสิทธิพิเศษอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช และนอร์เวย์ ปี 2564 ตั้งแต่ม.ค. - ธ.ค. มีมูลค่า 3,612.68 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28.14% เมื่อเทียบกับปี 2563 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 61.94% โดยไทยยังคงใช้สิทธิฯ ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 31.65% และใช้สิทธิฯ ส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราชเพิ่มขึ้น 25.27% ในขณะที่การใช้สิทธิฯ ส่งออกไปยังสวิตเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์ลดลง 2.01% และ 16.12 %ตามลำดับ
ทั้งการส่งออกของไทยมีการขอใช้สิทธิจีเอสพี ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ มากที่สุดเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วน 91.82% ของการส่งออกโดยใช้สิทธิจีเอสพี ทั้ง 4 ระบบของไทยในปี 2564 มีมูลค่าส่งออกโดยใช้สิทธิฯ สูงถึง 3,317.02 ล้านดอลลาร์ และมีสินค้าส่งออกที่สำคัญครองอันดับ 1 ต่อเนื่องตลอดปี 2564 คือ ถุงมือยาง ซึ่งมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 505.87 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวสูงถึง 45.83% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยการขอใช้สิทธิจีเอสพี ในสินค้าถุงมือยางจะทำให้ได้รับการลดภาษีนำเข้าสหรัฐ จากเดิม (MFN rate) 3 % ลดเหลือ 0%
ส่วนสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐ ที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูงและขยายตัวดี อันดับ 2 คือ ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 288.75 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวสูงถึง 44.27% อันดับ 3 คือ กรดมะนาวหรือกรดซิทริก มูลค่าการใช้สิทธิฯ 133.40 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 89.21% อันดับ 4 คือ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ มูลค่าการใช้สิทธิฯ 90.71 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 37.03% และอันดับ 5 คือ หลอดหรือท่อทำด้วยทองแดงบริสุทธิ์ มูลค่าการใช้สิทธิฯ 89.99 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 202.45%
สำหรับตลาดส่งออกภายใต้ระบบจีเอสพี อันดับรองลงมา ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่าส่งออกโดยใช้สิทธิฯ 259.68 ล้านดอลลาร์ สินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง และขยายตัวได้ดี อาทิ ผ้าร่อน มูลค่าการใช้สิทธิฯ 10.22 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 6.38% รถยนต์และยานยนต์อื่นๆ ที่ออกแบบสำหรับขนส่งบุคคลเป็นหลัก มูลค่าการใช้สิทธิฯ 8.46 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 30.43% ตัวเรือนนาฬิกาชนิดวอตช์ และส่วนประกอบของตัวเรือนดังกล่าวทำด้วยโลหะสามัญ มูลค่าการใช้สิทธิฯ 8.23 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 136.79% สายนาฬิกาของนาฬิกาชนิดวอตช์ และส่วนประกอบของสายนาฬิกาดังกล่าว มูลค่าการใช้สิทธิฯ 7.19 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 86.87%
กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช มีมูลค่าส่งออกโดยใช้สิทธิฯ 20.85 ล้านดอลลาร์ สินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง และขยายตัวได้ดี อยู่ในกลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารเป็นหลัก อาทิ สับปะรดกระป๋อง มูลค่าการใช้สิทธิฯ 10.09 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 65.86% พืช/ผลไม้ปรุงแต่ง มูลค่าการใช้สิทธิฯ 8.71 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 35.98% ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก และปลาโบนิโต (ชนิดซาร์ดา) มูลค่าการใช้สิทธิฯ 0.45 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 34.69% น้ำผลไม้/น้ำผักอื่นๆ มูลค่าการใช้สิทธิฯ 0.19 ขยายตัว 56.94% ซอสและของปรุงแต่งสำหรับทำซอส มูลค่าการใช้สิทธิฯ 0.15 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 82.41%
ประเทศนอร์เวย์ มีมูลค่าส่งออกโดยใช้สิทธิฯ 15.13 ล้านดอลลาร์ สินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง และขยายตัวได้ดี อาทิ ข้าวโพดหวาน (มูลค่าการใช้สิทธิฯ 3.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 31.83% ถุงมือที่อาบซึม เคลือบ หุ้มหรืออัดเป็นชั้นด้วยพลาสติกหรือยาง มูลค่าการใช้สิทธิฯ 0.62 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 31.36% พาสต้ายัดไส้ มูลค่าการใช้สิทธิฯ 0.52 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 197.94% พืชผักอื่นๆ ที่ปรุงแต่งหรือทำไว้ไม่ให้เสีย มูลค่าการใช้สิทธิฯ 0.46 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 13.62% เครื่องแต่งกายของบุรุษและเด็กชายทำด้วยขนแกะหรือขนละเอียดของสัตว์ มูลค่าการใช้สิทธิฯ 0.21 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 24.76%
นายพิทักษ์ กล่าวว่า สำหรับการต่ออายุโครงการจีเอสพีของสหรัฐ ที่สิ้นสุดโครงการฯ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2563 ขณะนี้ทางรัฐสภาสหรัฐ อยู่ระหว่างการพิจารณาผ่านร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการต่ออายุโครงการฯ โดยคาดว่าจะได้รับการผ่านความเห็นชอบในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ในการต่ออายุโครงการจีเอสพี ครั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่า สหรัฐจะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการพิจารณาประเทศที่จะได้รับสิทธิจีเอสพี ให้สะท้อนกับประเด็นที่รัฐบาลสหรัฐ ให้ความสำคัญ อาทิ ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ด้านแรงงาน เป็นต้น ให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์