วิกฤติรัสเซีย-ยูเครนดันต้นทุนก่อสร้างพุ่ง!

วิกฤติรัสเซีย-ยูเครนดันต้นทุนก่อสร้างพุ่ง!

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านชี้ วิกฤติรัสเซีย-ยูเครนกระทบราคาน้ำมัน ส่งผลต้นทุนก่อสร้างพุ่ง คาดไตรมาส2 ผู้ประกอบการเริ่มขยับราคาขึ้น5% หลังจากเดือนเม.ย.หลังตรึงราคามาตั้งแต่ปี64

นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่เริ่มทวีความรุนแรงส่งผลกระทบด้านเศรฐกิจเป็นวงกว้างไปทั่วโลก จากมาตรการคว่ำบาตรของต่างประเทศทั้งอเมริกา กลุ่มประเทศในยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และปัจจัยสำคัญที่ทั่วโลกจับตามองคือราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีทิศทางปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้วัสดุการก่อสร้างจะขยับสูงขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ จนส่งผลต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคในที่สุด 

"แม้ว่าตลาดรับสร้างบ้านขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่หากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนยืดเยื้อก็เชื่อว่าในไตรมาสสองหลังจากเดือนเม.ย. อาจมีการขยับราคาขึ้นอย่าง5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง โดยเฉพาะต้นทุนการขนส่งและระยเวลาขนส่งวัสดุอุปกรณ์บางชนิดที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ อาทิ เหล็กและวัสดุต่างๆทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างอาจมีการปรับราคาขึ้นอีกครั้ง"
 

นายวรวุฒิ   กล่าวว่า  สงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็น"ตัวเร่ง"ที่ทำให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มอย่างรวดเร็วตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น หลังจากก่อหน้าที่ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็กปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างขยับขึ้นมา3-5% แต่ด้วยข้อจำกัดกำลังซื้อและบรรยากาศในการซื้อทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าที่ขยับราคาขึ้น แต่ในปีนี้คงต้องปรับราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นช่วงไตรมาสแรกปีนี้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มออกโปรโมชั่นมากระตุ้นก่อนปรับราคาขึ้น 

 

 นายสิทธิพร สุวรรณสุติ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า แม้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมากำลังซื้อและความต้องการปลูกสร้างบ้านเริ่มมีสัญญาณกลับมาขยายตัวดีขึ้นโดยปีนี้บริษัทรับสร้างบ้านในสมาคมฯ ส่วนใหญ่มียอดจองและเซ็นสัญญาเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเลือกใช้การตลาดออนไลน์ที่เน้นกลยุทธ์เจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตามคำแนะนำของสมาคมฯ พร้อมนำเสนอให้ผู้บริโภคเห็นถึงความน่าเชื่อถือแบรนด์ของตัวเอง ผ่านประสบการณ์ของลูกค้าที่เคยใช้บริการ เพราะชัดเจนกว่าและมีความยั่งยืนกว่าการอาศัยความน่าเชื่อถือจากหน่วยงานใด ๆ มารับรองแทน รวมถึงการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์และกระบวนการก่อสร้างที่มีคุณภาพและแตกต่างจากผู้ประกอบการทั่วไป

อย่างไรก็ตามหากปัญหาการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนบานปลาย และปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศเป็นเช่นนี้ คาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มเศรษฐกิจมีโอกาสชะงักและหดตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีความรู้สึกกังวลต่อสถานการณ์หรือยังไม่แน่ใจ ย่อมมีโอกาสสูงที่จะชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไปก่อน เช่นกลุ่มลูกค้าพนักงานประจำ เจ้าของธุรกิจ และกลุ่มนักลงทุน ซึ่งจะส่งผลทำให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีหลังชะลอตัวตาม ความเสี่ยงและการแข่งขันในธุรกิจจะรุนแรงมากขึ้น