คนร.กำชับ 6 รัฐวิสาหกิจเร่งแก้ไขปัญหาผลขาดทุน
คนร.กำชับ 6 รัฐวิสาหกิจเร่งแก้ไขปัญหาผลขาดทุน กำหนดให้ปฏิบัติตามแผนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมทั้งในเรื่องทางการเงินและการให้บริการประชาชนที่ดีขึ้น
นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2565 ประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่ง คนร. ได้พิจารณาในเรื่องต่างๆ ดังนี้
การจัดทำแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2566 - 2570 (แผนพัฒนารัฐวิสาหกิจฯ) ที่สามารถตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติและพลิกโฉมประเทศไทยสู่ความยั่งยืน โดยให้มีการกำหนดกรอบทิศทางหลักในการพัฒนารัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง เพื่อนำ 13 หมุดหมายตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (แผนพัฒน์ฯ) ฉบับที่ 13 และแผนพัฒนาประเทศด้านต่างๆ ไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายของประเทศได้
ในแผนดังกล่าวจะมีนโยบายที่จะขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Bio - Circular - Green Economy : BCG Model) และสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมทั้ง การปรับรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและสามารถสนองต่อวิถีชีวิตถัดไป (Next Normal) ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 และการสร้างความมั่นคงในด้านการค้า การลงทุน การผลิต และการเกษตรของประเทศรองรับจากผลกระทบต่างๆ จากสถานการณ์ในต่างประเทศ นอกจากนี้ ให้สนับสนุน SME และมีการบูรณาการทำงานร่วมกันของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานภาครัฐอื่น และเอกชนมากยิ่งขึ้น
2.การดำเนินการแก้ไขปัญหาองค์กรของรัฐวิสาหกิจทั้ง 6 แห่ง มีความคืบหน้าในการดำเนินงานตามลำดับ เช่น บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (บมจ. อสมท) ได้ดำเนินการตามแผนพลิกฟื้นธุรกิจระยะสั้น ประจำปี 2564 ทำให้มีกำไรจากที่มีผลขาดทุนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง คนร. ได้กำชับให้มีการดำเนินการตามแผนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมทั้งในเรื่องทางการเงินและการให้บริการประชาชนที่ดีขึ้น
เช่น บริษัท เอ็นที จำกัด (มหาชน) ให้เร่งพัฒนาและบริหารจัดการระบบ 5G และดาวเทียมไทยคม ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งการจัดหารถเพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้ดีขึ้น เป็นต้น
3. การประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจในปี 2563 และ 2564 รัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่มีผลการประเมินที่ดีขึ้น โดย คนร. ได้มีนโยบายให้รัฐวิสาหกิจปรับตัว เตรียมการ และกำหนดแนวทางการบริหารจัดการให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งในด้านการรองรับ Next Normal การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งให้มีการแก้ปัญหาต่างๆ ที่มีมาตั้งแต่อดีตให้สำเร็จ และดูแลผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 และภาวะวิกฤติต่างๆ ในปัจจุบัน เช่น การเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิงและวัตถุดิบต่างๆ ที่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ