บล.กสิกรไทย มอง”หุ้นไทย” ผันผวน หลังผลประชุมเฟด กลับมาขึ้นดบ.แรง0.75%-1%
บล.กสิกรไทย มองผลประชุมเฟด Jackson Hole กังวลมากขึ้นต่อเงินเฟ้อเร่งตัว ชิงขึ้นดบ.แรงเพื่อลง รอบนี้น้ำหนักเพิ่มเป็น 0.75% และเริ่มพูดถึง 1%มากขึ้น ชี้ทุกๆ 0.25% ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐลงราว 4-5% พร้อมมองดัชนีหุ้นไทย สัปดาห์หน้าผันผวนกรอบแนวรับ 1,585-1,616 จุด
นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า เปิดเผยว่า ผลการประชุม Jackson Hole เนื้อหาส่วนใหญ่เหมือน FOMC แต่ Hawk (Hawkish) มากขึ้น มีความกังวลเงินเฟ้อจะเร่งตัวในอนาคต
Powell เปิดด้วยผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคการจ้างงาน ในขณะที่เงินเฟ้อ ถึงแม้จะไม่ได้ทำระดับสูงสุดแต่เชื่อว่าจะยังอยู่ในระดับสูงอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเฟดจำเป็นจะต้องจัดการปัญหานี้
ภาพดังกล่าวสะท้อนโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยในวันที่ 21ก.ย.นี้ (FOMC) เพิ่มเป็น 0.75% ในขณะที่ Hedge fund เริ่มพูดถึง 1% อย่างไรก็ตาม Powell ระบุทิ้งท้ายว่านโยบายการเงินในช่วงที่เหลือของปีพร้อมปรับตลอดเวลา และเน้นให้ดูตัวเลขในระหว่างนี้
นายกรรณ์ กล่าวว่า หากประเมินจาก 5ปัจจัยหลักของเฟด เรามีมุมมองดังต่อไปนี้
- เงินเฟ้อ สูงและยืนนานกว่าที่คาด
- ภาคการจ้างงาน ดีมาก
- อสังหา ตกเร็วกว่าที่คาดมาก
- การบริโภค ใกล้เคียงกับที่คาด
- น้ำมัน ไม่สามารถคาดได้
จากที่กล่าวมา เราประเมินว่ายังมีช่องว่างให้เฟดเร่งดันดอกเบี้ยขึ้นได้บ้าง และอาจต้องชิงจังหวะรีบทำเป็นลักษณะ Front loaded Rate (เร่งขึ้นดอกเบี้ย) เพื่อที่จะเปิดช่องให้มีช่องว่างลดดอกเบี้ยในปีหน้า ตอนอสังหาและการลงทุนอื่นๆชะลอตัวแรงๆ (ขึ้นเพื่อลง)
ตลาดจะแกว่งผันผวนไปจนถึงการรายงานตัวเงินภาคการจ้างงาน (2ก.ย) เงินเฟ้อ CPI (13ก.ย.) และตลาดอสังหา ฯเพื่อดูการรายงาน ซึ่งล่าสุดสหรัฐรายงาน PCE ออกมาต่ำกว่าคาดที่ 0.1% (ตลาดประเมิน 0.3%) และ 4.6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ต่ำที่สุดในรอบ 9เดือน และหากอิงจาก Yield2ปี และ Eurodollar เมื่อคืนยังแกว่งไร้ทิศทาง
สำหรับ กลยุทธ์การลงทุน ทุกๆ 0.25% ของโทนที่เปลี่ยนไปจากเฟดจะส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐประมาน 4-5% ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง SPX, DJ, NASDAQ ปรับตัวลงมาใกล้เคียงที่ 3-4% ใกล้เคียงกับสถิติ
ขณะที่ผลต่อตลาดหุ้นไทย(SET)ในระหว่างที่รอดูตัวเลขเงินเฟ้อนี้ เราประเมินกรอบแนวรับที่ 1,585-1,616 จุดในสัปดาห์หน้า หุ้นที่คาด ปรับตัวลงต่ำกว่าตลาด ได้แก่ ที่ปรึกษาด้านไอที,ไฟแนนซ์ ส่วนหุ้นที่คาด ปรับตัวมากกว่าตลาด เช่น โรงไฟฟ้า ,รถไฟฟ้า, ส่งออกอาหาร และลงทุนแบบ Yield play ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ย
นายกรรณ์ แนะนำว่า แนวรับหุ้นไทย ที่แนวรับแรก 1,616 จุด แนวรับถัดไป 1,605 จุดและ1,585จุด หากลงมาถึงแนวรับ ควรหาจังหวะลงทุนเพิ่ม เหตุผล คือ
1) เงินทุนไหลเข้าของต่างชาติจะยังคงเข้าไทยต่อจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นเด่นกว่าภูมิภาค
ท่ามกลางศก.ถดถอยและโทนของ Powell (สหรัฐ) / ความกังวลราคาพลังงานและหน้าหนาว (ยุโรป) / หนี้อสังหาและ Zero COVID-19 (จีน) และ การเปิดประเทศที่ช้ากว่าประเทศไทยและค่าเงินเยนที่อ่อนค่ามากที่สุดในภูมิภาค (ญี่ปุ่น)
2) EPS ไตรมาส 2/2022 ของบริษัทจดทะเบียนดีกว่าประมาณการณ์ของเราและตลาดราวๆ 10%
3) ดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ส่งสัญญาณขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
ขณะที่ เงินสดควรมีตลอด ณ ช่วงเวลาปัจจุบัน (25-40%) ลงมารับเพิ่มและช่วงดัชนีขยับขึ้นทยอยขาย