ไทยเบฟเคลื่อน ‘สตาร์บัคส์’ โต ยึดทำเลท่องเที่ยวผุดสาขาเท่าตัว

นับตั้งแต่ปี 2562 ที่แบรนด์กาแฟ “สตาร์บัคส์” เปลี่ยนมือมาอยู่ภายใต้เครือไทยเบฟของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ที่มี หัวเรือใหญ่ “ฐาปน สิริวัฒนภักดี” โดยให้บริษัทในเครือ บริษัท คอฟฟี่ คอนเซ็ปต์ (ประเทศไทย) จำกัด รับสิทธิ์การบริหารธุรกิจค้าปลีกของร้านกาแฟสตาร์บัคส์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

ล่าสุด สตาร์บัคส์ ประกาศแผนปี 2566 รุกขยายสาขาในไทยให้ครบ 800 สาขา ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือในปี 2573 ถือเป็นการเพิ่มสาขาใหม่เกือบอีกเท่าตัว แสดงถึงโอกาสของตลาดกาแฟในไทย และสะท้อนถึงขุมพลังของไทยเบฟ ที่มีเครือข่ายและทำเลที่มีศักยภาพ พร้อมเร่งครื่องเปิดสาขาใหม่นับจากนี้ไป

เนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ในระยะเวลากว่า 3 ปีที่มีพาร์ทเนอร์สำคัญอย่างไทยเบฟ นับเป็นการร่วมมือผลักดันการขยายสาขาใหม่ในไทยอย่างยั่งยืนต่อไป และการมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภคคนไทยและกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยว

ในปี 2566 ครบรอบ 25 ปีการดำเนินธุรกิจกาแฟสตาร์บัคส์ในประเทศไทย ทำให้บริษัทได้วางเป้าหมายจะเปิดสาขาใหม่ให้ครบ 800 สาขาในปี 2573 จากในปัจจุบันปี 2566 มีสาขาในไทยรวม 456 สาขา

 

การเดินหน้าขยายสาขาใหม่ในไทยจะเฉลี่ยประมาณ 30 สาขาต่อปีนับจากนี้ไป โดยการขยายสาขาใหม่จะเน้นสาขาที่เป็น ไดร์ฟทรู เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของ กลุ่มลูกค้าคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไป และต้องการความสะดวกมากขึ้น

“ประเทศไทยเป็น ตลาดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน และเป็นหนึ่งในตลาดที่มีพลวัตรมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน”

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงอีกสิ่งของร้านกาแฟสตาร์บัคส์ในไทยนอกจากเร่งขยายสาขาแล้ว ก็มีแผนเปิดร้านกาแฟสตาร์บัคส์เพื่อชุมชน (Starbucks Comunity Store) ให้ครบ 8 แห่งในปี 2573 โดยร้านกาแฟที่จะแบ่งปันรายได้จากการจำหน่ายกาแฟ 10 บาทในทุกแก้วให้แก่ องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร

ทั้งนี้ร้านกาแฟสตาร์บัคส์เพื่อชุมชน (Starbucks Community Store) มีจำนวน 1 สาขาในไทยที่สาขาหลังสวน ได้เปิดมาเป็นระยะเวลา 15 ปีแล้ว โดยได้นำเมล็ดกาแฟม่วนใจ๋ เบลนด์ มาเป็นเครื่องดื่มกาแฟ โดยสตาร์บัคส์ได้ไปร่วมสนับสนุนกลุ่มชุมชนชาวไร่กาแฟ ทั้งรับการซื้อผลผลิต ร่วมยกระดับการเกษตรและคุณภาพชีวิต ผ่านการบริจาคผ่าน มูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน (ITDF)

ปีนี้จะเดินหน้าขยายโมเดลรูปแบบนี้ด้วยการพัฒนาสาขาขนาดใหญ่สุดในไทย “สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ เจ้าพระยา รีเวอร์ฟร้อนท์ ไอคอนสยาม” สู่ร้านกาแฟเพื่อชุมชน เป็นอีกแนวทางสานพันธกิจการดำเนินธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน และยังสอดคล้องกับ แผนของสตาร์บัคส์ ที่จะเปิดร้านกาแฟเพื่อชุมชนทั่วโลก ให้ครบ 1,000 แห่งในปี 2573

อีกกลยุทธ์สำคัญที่สตาร์บัคส์ จะมุ่งรุกตลาดในไทยกับทั้งการร่วมส่งมอบประสบการณ์ดื่มกาแฟให้แก่ลูกค้า จากกาแฟทุกแก้วที่ผลิตสดใหม่ให้แก่ลูกค้าทุกคน การสร้างประสบการณ์บริการในการเข้ามาใช้บริการในร้าน

พร้อมกับการมีพาร์ทเนอร์หรือพนักงาน ร่วมสร้างบริการที่ดีแก่ลูกค้าโดยในปัจจุบันสตาร์บัคส์มีพนักงาน กว่า 4,300 คน และมีลูกค้าใช้บริการมากกว่า 800,000 คนในทุกสัปดาห์

นอกจากนี้สตาร์บัคส์จะเดินเกมด้วยการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทั้งการมีร้านที่มีเมนูขนมแบบสดใหม่ทุกวัน การนำวัตถุดิบจากในไทยมาสร้างสรรค์สู่เครื่องดื่มใหม่ ทั้งกาแฟ หอมสุวรรณ ไพน์แอปเปิ้ล โคลด์ บรูว์ (Homsuwan Pineapple Cold Brew) ผสมน้ำสับปะรดหอมสุวรรณและซอสเนื้อสับปะรด ราดบนกาแฟโคลด์ บรูว์ ปิดท้ายด้วยซอสและเนื้อสับปะรดชิ้นโต และเครื่องดื่มชาหอมสุวรรณ ไพน์แอปเปิ้ล แบล็ค ที (Homsuwan Pineapple Black Tea) และ หอมสุวรรณ ไพน์แอปเปิ้ล ฮิบิสคัสที ที่มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นทั้งหมดคือ ความมุ่งมั่นเร่งการเติบโตในไทย

ต้องติดตาม การเติบโตของร้านสตาร์บัคส์ในปีนี้และปีต่อไป หลังโควิดผ่านพ้น นอกจากเร่งเครื่องขยายสาขาแล้ว จะมีนวัตกรรมและเครื่องดื่มรูปแบบใดเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม โดยเฉพาะการมี ไทยเบฟที่มีขุมกำลังสำคัญทั้งอาหารและเครื่องดื่มในเครือ จะเข้ามาร่วมต่อจิ๊กซอว์ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ในไทยให้เติบโตในรูปแบบใดนับจากนี้