นีโอ คอร์ปอเรท บิ๊กคอนซูเมอร์ ไม่หวั่นกำลังซื้อ-เศรษฐกิจ รุกสินค้านวัตกรรม

นีโอ คอร์ปอเรท บิ๊กคอนซูเมอร์ ไม่หวั่นกำลังซื้อ-เศรษฐกิจ รุกสินค้านวัตกรรม

สำรวจคอนซูเมอร์โปรดักท์ 'นีโอ คอร์ปอเรท' รุกขยายผลิตภัณฑ์นวัตกรรม พร้อมสู้ศึกกำลังซื้อ-เศรษฐกิจ ส่งสินค้าใหม่สู่ตลาด 50-100 รายการ เจาะตลาดในทุกเช็คเมนต์ เร่งแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อผู้สูงวัย ชี้ตลาดมูลค่าสูงถึง 2.6 ล้านล้านบาท ในอีก 7 ปีข้างหน้า มีทิศทางโต 4.4% ทุกปี

การเดินทางกว่า 34 ปีของบริษัทใหญ่คอนซูเมอร์ของไทย “นีโอ คอร์ปอเรท" มีจุดเริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัว “สุทธิเดช” ได้สร้างผลิตภัณฑ์ โคโลญและโรลออน “เอเวอร์เซ้นส์” แบรนด์ไทยจนติดตลาด ก่อนขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในกลุ่มของใช้ในครัวเรือน จนสามารถแข่งขันกับ ยักษ์ใหญ่ของโกลบอลแบรนด์ในตลาดโลกในหลากหลายรายการ  

แนวรุกขยายธุรกิจของ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) ในปี 2567 นอกจากการแปลงสถานะขององค์กรจากธุรกิจครอบครัวไปสู่บริษัทมหาชนแล้ว ได้มุ่งขยายผลิตภัณฑ์ใหม่มีนวัตกรรม เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ไทยที่มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ พร้อมวางแผนขยายตลาดอย่างเต็มที่ ท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจไทยและกำลังซื้อในประเทศที่ไม่สดใสมากนัก สะท้อนได้จากการคาดการณ์ของหลายหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ มีการประเมินจีดีพีไทยใหม่ โดยคาดว่าจะขยายตัวต่ำกว่า 3% ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารโลก ปรับลดจีดีพีไทยในปีนี้ มาอยู่ที่ 2.8% รวมถึง คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับลดจีดีพีไทยว่าจะมีการขยายตัว 2.2-2.7% เป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายของผู้ประกอบการทุกราย!

ทั้งนี้ ภาพรวมของ นีโอ คอร์ปอเรท มีผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมทั้ง ผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก 

นางสาวณิชมน ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายนวัตกรรมธุรกิจ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนของบริษัทในปี 2567 พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาสู่ตลาดรวมประมาณ 50-100 รายการ เน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม และสามารถตอบโจทย์ตลาด ภายใต้การมีทีมงานฝ่ายวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) ภายในองค์กร มาร่วมพัฒนาสินค้าในแต่ละรายการ

 

นีโอ คอร์ปอเรท บิ๊กคอนซูเมอร์ ไม่หวั่นกำลังซื้อ-เศรษฐกิจ รุกสินค้านวัตกรรม

กลุ่มเป้าหมายในการนำเสนอสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ จะมุ่งเจาะตลาดลูกค้าในทุกกลุ่ม ทั้ง กลุ่มลูกค้าตลาดส่วนใหญ่ (Mass) พรีเมียมแมส (Premium Mass) และพรีเมียม (Premium) พร้อมมุ่งจัดกิจกรรมการตลาด และการจัดกิจกรรมกระตุ้นการขาย

อีกทั้งได้ขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์ “ดีนี่” ด้วยการเปิดผลิตภัณฑ์ “ดีนี่ ดีลักซ์ (D-nee Deluxe)” ผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม เจาะกลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุ สอดรับกับฐานของประชากรในประเทศไทย กำลังเข้าสู่เอจจิ้ง โซไซตี้ ด้วยสัดส่วน 20% ของประชากรทั้งประเทศ และในปี 2580 คาดว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 29% ของประชากรทั้งประเทศ โดยมีมูลค่าตลาดรวม 2.6 ล้านล้านบาท มีสัดส่วน 12% ของเศรษฐกิจไทยในอีก 7 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มการเติบโต 4.4% ต่อปี ตามการประเมินของ ศูนย์วิจัยกรุงศรี

นีโอ คอร์ปอเรท บิ๊กคอนซูเมอร์ ไม่หวั่นกำลังซื้อ-เศรษฐกิจ รุกสินค้านวัตกรรม

สำหรับการขยายมาผลิตภัณฑ์ใหม่ของ ดีนี่ ในครั้งนี้ เป็นการแตกไลน์สินค้าครั้งใหม่ จากที่ผ่านมา เน้นสินค้าสำหรับเด็กเป็นหลัก ทำให้มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกเช็คเมนต์ ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่นและผู้สูงอายุ จากในปัจจุบัน ดีนี่ มีส่วนแบ่งการตลาด 72% ในผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับเด็ก

ทั้งนี้ประเมินว่าจะผลักดันทำให้ผลประกอบการรวมของบริษัทในปี 2567 ยังมีทิศทางขยายตัว โดยภาพรวมของ นีโอ มี 8 แบรนด์หลักในตลาด ได้แก่ ไฟน์ไลน์ (Fineline), ดีนี่ (D-nee), บีไนซ์ (BeNice), ทรอส (TROS), เอเวอร์เซ้นส์ (Eversense), วีไวต์ (Vivte), สมาร์ท (Smart) และโทมิ (Tomi)  พร้อมวางเป้าหมายนำพาองค์กร สู่การเป็นบริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย