Rebound หุ้นรายงานพิเศษ STP (30 ส.ค. 2565)

Rebound หุ้นรายงานพิเศษ STP (30 ส.ค. 2565)

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ตามทิศทางตลาดทั่วโลกนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ได้กล่าวถึงความจำเป็นที่ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง เพื่อหวังสกัดเงินเฟ้อที่ทรงตัวระดับสูง

โดยมีแรงขายจากหุ้นกลุ่มธนาคาร และอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,626.52 จุด -18.26 จุด -1.11% มูลค่าการซื้อขาย 71,418 ลบต่างชาติ -107.03 ลบ. TFEX -14,489 สัญญา ตราสารหนี้ +6452 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 3.95 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 97.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศโอเปคพลัส อาจจะปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด
+ สศค. เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค.65 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย การผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้สะดวกมากขึ้น เดือน ก.ค.65 ต่างชาติเดินทางเข้าไทย 1.12 ล้านคน การส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศ รายได้เกษตรกรขยายตัวต่อเนื่อง ด้านการส่งออกเติบโตแข็งแกร่ง 4.3% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ป่วยรายใหม่รักษาในรพ. 993 ราย มีผู้เสียชีวิต 27 ราย รักษาหาย 2,111ราย
 

ปัจจัยลบ  

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 184.41 จุด -0.57% ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันศุกร์ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แสดงความมุ่งมั่นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้อาจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงก็ตาม
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 74.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 25.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
- นางเอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครตแสดงความกังวลว่า FED จะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีความเสี่ยงที่จะทำให้ประชาชนต้องตกงาน
 

 

 

- ดัชนีชี้วัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ (VIX) และยุโรป (STOXX50) พุ่งขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจาก FED และ ECB ต่างยืนยันว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แม้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
- บรรดานักวิเคราะห์ต่างมีมุมมองเชิงลบมากขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และลดคาดการณ์การเติบโตสำหรับปี 2565 และมองว่าความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจจะยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากภาวะปั่นป่วนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่สิ้นสุดลง
- ก.พาณิชย์เผย ก.ค.2565 มียอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ 5,858 ราย ลดลง 12% ส่วนยอดเลิกกิจการอยู่ที่ 1,543 ราย เพิ่มขึ้น 5.47% คาดการณ์ปลายปียอดตั้งมีแนวโน้มชะลอตัว คาดทั้งปีมีธุรกิจตั้งใหม่ 7.2 หมื่นราย

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดภูมิภาคหลังปรับตัวลงแรงวันก่อน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,620-1,635 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น : BH BDMS D
• โครงการคนละครึ่งเฟส 5 : TNP KK BJC MAKRO CBG OSP TKN ICHI SAPPE
• MSCI Global Standard เพิ่มหุ้นเข้าคำนวณ มีผล 31 ส.ค. : KBANK
• ผลประกอบการหุ้นกลุ่มโรงแรมเริ่มฟื้นตัว+ขยายวีซ่านักท่องเที่ยว : MINT ERW CENTEL AWC SHR
• วิกฤตพลังงานยุโรป : PRM VL BANPU LANNA PTTEP
• แอปเปิล ประกาศจัดอีเวนต์ 7 ก.ย.เปิดตัว iPhone 14 : CPW SPVI COM7 SYNEX JMART

 

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                                           STP (ซื้อ ราคาเหมาะสม 21.30 บาท)

Rebound หุ้นรายงานพิเศษ STP (30 ส.ค. 2565)

• รายงานกำไร 2Q65 ที่ 31.5 ลบ. -3.4%QoQ และ-12.3%YoY โดยมีรายได้ที่ 144.8 ลบ. ทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากลูกค้ายังคงมีคำสั่งซื้อในระดับสูงต่อเนื่อง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวลงจาก 37.1% สู่ 35.3% เนื่องจากต้นทุนกระดาษปรับตัวขึ้นและยังใช้โรงงานภายนอกในการผลิต นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีค่าประชาสัมพันธ์การเข้าตลาด mai 1.3 ลบ.

• แนวโน้มผลประกอบการ 3Q65 รายได้ยังทรงตัวในระดับสูงเนื่องจากลูกค้ายังส่งคำสั่งซื้อต่อเนื่อง แม้ว่าต้นทุนกระดาษปรับตัวขึ้นตามราคาเยื่อกระดาษในตลาดโลกแต่ถูกชดเชยจากเครื่องจักรใหม่ชุดที่ 1 ที่จะติดตั้งแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. เพื่อลดการใช้โรงงานภายนอก นอกจากนี้บริษัทมีแผนติดตั้งเครื่องจักรใหม่ชุดที่ 2 ภายใน 2H65 เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต

ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการ 2H65 เนื่องจากมีการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ทำให้การใช้โรงงานผลิตภายนอกลดลงชดเชยต้นทุนกระดาษที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงหลัง IPO ราว 18% ทำให้ในปัจจุบันซื้อขายที่ P/E Ratio เพียง 12-13 เท่า ซึ่งต่ำกว่าในกลุ่ม Packaging ที่มี P/E Ratio 20 เท่า อีกทั้งมีโอกาสเติบโตจากการขยายโรงงาน เราจึง แนะนำ “ซื้อ”

 

หุ้นมีข่าว

(+) WHA ( Bloomberg Consensus 4.20 บาท) อัพเป้ายอดขายที่ดินปี 2565 เป็น 1.65 พันไร่ จากเดิม 1.25 พันไร่ หลังดีมานด์ที่ดินในนิคมขยายตัวเพิ่ม รับอานิสงส์ฐานทุนประเทศหลัก จีน-สหรัฐ-ยุโรป เคลื่อนย้ายเข้าไทย เปิดประเทศช่วยดัน แย้มมีดีลใหญ่จำนวนมาก อาจจะทะลุเป้าอีก มั่นใจผลงานปีนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TFG ( Bloomber Consensus 8.50 บาท) อัพเป้ารายได้ปีนี้โต 20-25% จากยอดส่งออกไก่ทะลักคาดปีนี้แตะ 9 หมื่นตัน ตามดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาไก่-หมูปรับตัวขึ้น พร้อมลุยขยายสาขา "ร้านไทย ฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" ปีนี้ชน 230 สาขา มองครึ่งปีหลังสดใส (ที่มา ทันหุ้น)

(+) INET (Bloomberg consensus - บาท) มองธุรกิจไอทีครึ่งปีหลังโอกาสเติบโตสูง เดินหน้าบริการดิจิทัลแพลตฟอร์มภาครัฐ-เอกชน ดันสัดส่วนรายได้เพิ่ม ด้านธุรกิจบริการคลาวด์เติบโตได้ดี แม้มีคู่แข่งมากขึ้น พร้อมเดินหน้าขยายกองทุน INETREIT ตั้งเป้าระดมทุนเพิ่มราว 2-3 พันล้านบาท เตรียมนำบริษัทย่อย One Electronic Billing เข้ากระดาน LiVE Exchange ต้นปีหน้า (ที่มา ทันหุ้น)

(+) D (Bloomberg consensus 8.15 บาท) แย้มแผนร่วมทุนไตรมาส 4 นี้ เชื่อหนุนมาร์จิ้นพองโต บอสใหญ่ "พรศักดิ์ ตันตาปกุล" ส่งซิกผลงานโตทุกไตรมาส ชี้ไตรมาส 4/2565 เข้าไฮซีซัน นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้บริการ 100% ส่วนโรงพยาบาลฟัน BIDH โกยกำไรเต็มแม็กซ์ พร้อมจับตายอดรายได้กลับสู่ภาวะปกติ (ที่มา ทันหุ้น)