"พลังงาน" ชี้แม้ "คลัง" ค้ำเงินกู้ 1.5 แสนล้าน ไม่การันตีตรึงดีเซล35 บาท
"พลังงาน" ระบุ ยังไม่เคาะกรอบเงินกู้ หลังครม.เคาะ "คลัง" ค้ำประกัน ยันกู้ตามความจำเป็น-เหมาะสม ไม่การันตีตรึงดีเซล 35 บาท หากน้ำมันตลาดโลกพุ่ง ต้องเก็บเงินเข้ากองทุนใช้หนี้เฉียด 1.2 แสนล้าน ย้ำใช้กลไกกองทุนอุดหนุนครึ่งหนึ่งต่อไป
แหล่งข่าวจาก กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างหารือรายละเอียดเกี่ยวกับร่างพระราชกำหนด (พรก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลัง ค้ำประกันการชำระหนี้ของ สกนช. พ.ศ.... และการกู้ยืมเงินของ สกนช. 150,000 ล้านบาท ให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนก่อนและสามารถปฏิบัติแต่ละขั้นตอนได้ถูกต้องตามที่คณะรัฐมนนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ หลังจากนั้นจะชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม วงเงินกู้ 150,000 ล้านบาท เป็นเพียงกรอบวงเงินกู้ที่ขอเผื่อไว้ เพราะการออกเป็น พรก. ต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตามขั้นตอนซึ่งการกู้เงินเวลานี้ยังคงยืนยันพิจารณาตามความจำเป็นและความเหมาะสมที่ประเมินจากความสามารถในการชำระหนี้เป็นหลัก และคงไม่กู้เต็มกรอบวงเงิน 150,000 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้วงเงินที่กองทุนขอกู้ก้อนแรกอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท และขอขยายเพดานแต่ก็ยังไม่มีเงินกู้เข้ามา ครั้งนี้จึงเรียกว่าเป็นการขยายเพดานรวมที่ 150,000 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน แต่ก้อนแรกจะกู้เท่าไหร่ยังไม่สามารถระบุได้
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือ การติดตามสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนต่อเนื่อง ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงได้ในระยะสั้น ภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงค่าเงินบาทและปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามาส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันตลาดโลกให้มีความผันผวนสูงมาก และมีโอกาสที่จะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศขึ้นลงได้เช่นกันเป็นตัวกำหนดว่าจะกู้เท่าไหร่ ซึ่งหากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมากกว่านี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาขายปลีกดีเซลในประเทศอาจปรับขึ้นได้อีก ดังนั้น แม้กระทรวงการคลังจะค้ำประกันเงินกู้ให้กองทุนสามารถหาเงินกู้มาเสริมสภาพคล่องเพื่อนำมาตรึงราคาขายปลีกดีเซลในประเทศได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าราคาดีเซลจะไม่ขึ้นราคา
ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนยังมีหนี้ 117,394 ล้านบาท จากการอุดหนุนดีเซล 76,518 ล้านบาท และอุดหนุนก๊าซหุงต้ม (LPG) 40,876 ล้านบาท หากใช้กรอบวงเงินกู้เต็มจำนวน 150,000 ล้านบาท มาโปะหนี้กองทุนที่ติดลบเกือบ 120,000 ล้านบาท จะเหลือส่วนต่างจากการกรอบวงเงินกู้ประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท เท่านั้น ซึ่งภายใต้แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ผันผวนต่อเนื่อง และกองทุนยังต้องอุดหนุนต่อไป เท่ากับจะมีเงินเหลือจากพรก. ใช้ได้เพียง 1-2 เดือนเท่านั้น
"ปัจจุบันกองทุนใช้เงินอุดหนุนรวมวันละ 68.56 ล้านบาท เป็นการอุดหนุนดีเซลวันละ 37.06 ล้านบาท อุดหนุนแอลพีจีวันละ 31.50 ล้านบาท คิดเป็นภาพรวมเดือนละประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท"
นอกจากนี้ การขอกู้ที่กรอบวงเงิน 150,000 ล้านบาท แต่กองทุนเป็นหนี้ติดลบเกือบ 120,000 ล้านบาท คงไม่พอ แต่สถานการณ์ราคาน้ำมันยังมีขึ้นมีลงแบบผันผวนตามปัจจัยต่าง ๆ จึงไม่ได้เป็นการันตีว่าราคาขายปลีกดีเซลในประเทศจะตรึงไว้ที่ลิตรละ 35 บาทตลอดไป หากราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวนอยู่ในระดับสูงกว่านี้ ก็คงต้องมีการขยับตามความเหมาะสม ไม่ให้กระชากทีเดียว โดยยังคงใช้รูปแบบให้กองทุนเข้าไปอุดหนุนอยู่ครึ่งหนึ่งต่อไป
ขณะเดียวกัน หากราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงมาก ก็อาจมีการปรับราคาดีเซลในประเทศลงได้บ้างในระดับที่มีความเหมาะสมเช่นกัน ไม่ได้ลงแรงมาก เพราะยังต้องเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อไปชำระหนี้ และยังคงใช้กลไกให้กองทุนเข้าไปอุดหนุนราคาครึ่งหนึ่งด้วย ดังนั้นหากราคาตลาดโลกไม่ได้ลดลงมากอย่างมีนัยสำคัญ ก็ไม่ได้หมายความว่าราคาดีเซลในประเทศจะต้องลดลงตามกันแต่อย่างใด