"ไอเอ็มเอฟ" หั่นคาดการณ์จีดีพีโลกปีหน้า แตะ 2.7% เตือน "เศรษฐกิจถดถอย"
"ไอเอ็มเอฟ" หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2566 สู่ระดับ 2.7% พร้อมเตือน "ภาวะเลวร้ายที่สุดรออยู่ข้างหน้า" ผลจากเศรษฐกิจถดถอย
11 ต.ค.65 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ในวันนี้ โดยได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 สู่ระดับ 2.7% จากเดิมที่ระดับ 2.9% ในการคาดการณ์เมื่อเดือน ก.ค.
"ภาวะเลวร้ายที่สุดกำลังรออยู่ข้างหน้า และประชาชนจำนวนมากจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า" รายงานไอเอ็มเอฟระบุ
ขณะเดียวกัน ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า รายงานดังกล่าวเป็นการบ่งชี้การขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 นอกเหนือจากช่วงที่เกิดวิกฤติการเงิน และการแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19
อย่างไรก็ดี ไอเอ็มเอฟยังคงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2565 ที่ระดับ 3.2%
รายงานระบุด้วยว่า เศรษฐกิจโลก กว่า 1 ใน 3 จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจหดตัวในปีนี้หรือปีหน้า ขณะที่การขยายตัวของสหรัฐ สหภาพยุโรป และจีนจะชะลอตัวลง
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟชี้ว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ได้แก่ การที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครน วิกฤติค่าครองชีพ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะทำให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และนิเวศวิทยา
ขณะเดียวกัน ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้และปีหน้า สู่ระดับ 1.6% และ 1% ตามลำดับ โดยได้รับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า สู่ระดับ 3.2% และ 4.4% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการใช้มาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด และวิกฤติในภาคอสังหาริมทรัพย์
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า ภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกจะแตะจุดสูงสุดในช่วงปลายปีนี้ โดยแตะระดับ 8.8% จากระดับ 4.7% ในปี 2564 ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 6.5% ในปี 2566 และ 4.1% ในปี 2567
ก่อนหน้านี้ นางคริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้จัดการของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟจะเน้นย้ำในการประชุมสัปดาห์นี้ให้ธนาคารกลางของชาติต่าง ๆ ยังคงใช้ความพยายามสกัดเงินเฟ้อต่อไป แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
"ถ้าพวกเขาดำเนินการอย่างไม่เพียงพอ เราก็จะเผชิญปัญหาจากเงินเฟ้อที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางยิ่งต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น และจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ"
นอกจากนี้ นางจอร์เจียวา ระบุว่า การใช้มาตรการทางการคลังควรจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงการราด "เชื้อเพลิงเข้าสู่กองไฟแห่งเงินเฟ้อ"