จีนเปิดประเทศ จุดความหวังส่งออกไทย กระเตื้อง หลังติดลบต่อเนื่อง
ส่งออกไทยไปจีน เริ่มมีความหวังหลังจีนเปิดประเทศ คาดส่งออกไทยไปจีนเพิ่มขึ้น หวังพลิกตัวเลขติดลบกลับเป็นบวก สนค.แนะแม้จีนมีกิจกรรมเศรษฐกิจเพิ่ม แต่ก็เพิ่งเริมฟื้นตัว ผู้ส่งออกต้องป้องกันความเสี่ยงกระจายสินค้าไปยังตลาดอื่น
“ส่งออกไทย” ถือเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจของไทยสำคัญตัวหนึ่งซึ่งที่ผ่านมาในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เครื่องยนต์เศรษฐกิจด้านการ ท่องเที่ยวไทย ”ฟุบ” แต่ก็ยังมี ”ส่งออก” เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงหลังๆการส่งออกของไทยได้รับผลกระทบจาก เศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งเป็นผลมาจาก สงครามรัสเซีย-ยูเครน ดันราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ปัญหาเงินเฟ้อ ที่สูงในหลายประเทศ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และการใช้มาตรการซีโร่โควิดของจีนเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า ปี 2566เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ 2.7% ลดลงจากปี 65 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.2% โดยเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมา ยกเว้นจีน ที่เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 4.4% ล่าสุดจีนประกาศเปิดประเทศของจีนตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 เป็นต้นไป หลังจากดำเนินนโยบาย Zero-COVID มานานกว่า 3 ปี นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด ในปี 2563 ซึ่งนโยบายดังกล่าวทำให้การส่งออกของไทยไปจีนติดลบต่อเนื่องมา 6 เดือนแล้ว
ล่าสุดเดือน พ.ย. ส่งออกไทยไปจีน ติดลบ 9.9 % สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และข้าว เป็นต้น ขณะที่ 11 เดือนแรกของปี 2565 หดตัว 6.5%
ทั้งนี้ “จีน” ถือเป็นคู่ค้าหลักของไทย เป็นตลาดส่งออกอันดับที่สอง มีสัดส่วน 12% ของการส่งออกรวมของไทย รองจากสหรัฐอเมริกา โดยเป็นตลาดส่งออกหลักของผลไม้ไทย และเป็นแหล่งส่งออกสินค้าขั้นกลาง
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)กระทรวงพาณิชย์ “พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์” มองว่าการที่ จีนเปิดประเทศ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการส่งออกไปยังตลาดจีนในปี 2566 เพราะประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติ กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมา ส่งผลให้กิจกรรมการท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุนภาครัฐ ฟื้นตัวอย่างมากเป็นแรงหนุนสำคัญต่อการค้าระหว่างประเทศและเศรษฐกิจโลก สร้างความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนให้กลับคืน
ปี 2566 ภาคการส่งออกของไทยยังคงมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญมากมาย ได้แก่
ตลาดส่งออกหลักขยายตัวลดลง ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป เพราะความต้องการซื้อสินค้าชะลอลงจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ
อัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องจากปี 65 เพราะธนาคารกลางหลายประเทศยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ส่งผลให้ต้นทุนของภาคธุรกิจและครัวเรือนเพิ่มขึ้น จนฉุดกำลังซื้อ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากค่าเงินบาทผันผวน จากผลของธนาคารกลางทั่วโลกใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก ที่ยังไม่จบสิ้น ทั้งปัญหารัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาพลังงาน วัตถุดิบ อาหารโลกผันผวน รวมถึงความขัดแย้งระหว่าง สหรัฐฯ-จีน-ไต้หวัน ที่กดดันต่อห่วงโซ่การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และเทคโนโลยีขั้นสูง จนส่งผลให้เกิดความขาดแคลน และกระทบต่อการส่งออกไทยได้
“การเปิดประเทศของจีน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในของจีนที่กลับมาดำเนินการใกล้เข้าสู่ระดับปกติ ด้วยประชากรจีนที่มีจำนวนมากเมื่อการบริโภคและการผลิตฟื้นตัวจะผลักดันการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น จากความต้องการที่อั้นไว้ในช่วงล็อคดาวน์ ประกอบกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ภายใต้กรอบ “เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน และ RCEP” ทำให้จีนนำเข้าสินค้าจากไทยในราคาถูก ท่ามกลางภาวะต้นทุนทางการเงินยังคงสูง”นายพูนพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตามแม้ จีนเปิดประเทศ ผู้ส่งออกไทยก็ยังต้องมีความระมัดระวังการส่งออกสินค้าไปยังจีน โดยผอ.สนค.แนะนำว่า ในระยะกลางผู้ประกอบการที่พึ่งพาตลาดจีนเป็นหลักอาจจะได้รับผลกระทบหากจีนเลือกนำเข้าสินค้าเหล่านี้จากคู่แข่งหรือผลิตเองทดแทนตามนโยบายพึ่งพาตนเองที่อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของจีน ฉบับที่ 14 (ปี 2564 – 2568) จึงควรวางแผนกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดศักยภาพอื่น ๆ มากขึ้น รวมทั้งสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตลอดจนการวางแผนทางการเงินที่รัดกุม เพื่อรับมือความเสี่ยงของตลาดจีนที่อาจจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่
สำหรับสินค้าไทยที่สำคัญส่งออกไปจีน ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง เม็ดพลาสติก เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ยางพารา เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เป็นต้น
การที่จีนเปิดประเทศจึงจุดพลุ "ความหวังการส่งอออกไทย" ให้กลับมาเป็นปกติ”รวมถึง"ภาคท่องเที่ยว"ของไทยที่จะได้รับอานิสงค์นี้ด้วย ซึ่งประเมินว่า นักท่องเที่ยวจีน จะกลับมาเที่ยวไทยราวๆ 5 ล้านคนทำให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้