เอกชนจี้รัฐลดค่าไฟ-ยืดลดภาษีดีเซล!!
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจี้รัฐทบทวนลดค่าไฟภาคอุตสาหกรรม หวั่นต้นทุนการผลิตสูงดันราคาสินค้ากระทบค่าครองชีพประชาชน ส่วนมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลอยากให้รัฐบาลต่อมาตรการออกไปเพื่อลดภาระต้นทุนของผู้ประกอบการ
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เกรียงไกร เธียรนุกุล ระบุ การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรม งวดมกราคม-เมษายน 2566 มาอยู่ที่อัตรา 5.33 บาทต่อหน่วย ทำให้อุตสาหกรรมที่มีค่าไฟฟ้าเป็นต้นทุนหลักในการผลิตได้รับผลกระทบอย่างมาก แม้ภาครัฐจะพิจารณาลดลงมาแล้วแต่ยังเป็นอัตราที่แพงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามที่ต้นทุนค่าไฟถูกกว่าเท่าตัว ทำให้ขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยลดลง
จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทำให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ การท่องเที่ยว โรงแรม ได้รับผลกระทบอย่างมาก ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคก็ต้องทยอยขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนทั้งระบบ สะท้อนเรื่องพลังงานที่เป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันของการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ
ส่วนมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลเป็นเรื่องจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องลดภาษีน้ำมันดีเซลต่อ เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 35 บาทต่อลิตร เพราะเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงเปราะบางฟื้นตัวอย่างช้าๆ
เชื่อมั่นอุตฯ ลดลงรอบ 7 เดือน
สำหรับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือนธันวาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 92.6 ปรับตัวลดลงจากระดับ 93.5 ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัญหาเงินเฟ้อที่ยังบั่นทอนกำลังซื้อในประเทศ ในด้านการส่งออกเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและสภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ
สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ อยากให้มีมาตรการดูแลต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าและราคาพลังงาน เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค / ดูแลค่าเงินบาทให้มีความสมดุลทั้งกับผู้ส่งออกและผู้นำเข้า รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาท /อาศัยโอกาสจากการเปิดประเทศของจีนและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมมาตรการด้านสาธารณสุขให้มีความเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่