“ผู้ส่งออกข้าว”ผวาค่าเงินผันผวน ห่วงการเมืองผุดนโยบายป่วนตลาด
ผู้ส่งออกข้าว ตั้งเป้าส่งออกข้าว ปี 66 ไว้ที่ 7.5 ล้านตัน แต่หวังเพิ่มถึง 8.5 ล้านตัน หลังคู่แข่งส่งออกน้อยลง และได้รับแรงหนุนจากบาทอ่อน ขอรัฐบาลใหม่อย่าใช้นโยบายข้าวบิดเบือนกลไกตลาด
การส่งออกข้าวปี2565 ไทยกลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลกอันดับ 2 ด้วยปริมาณ 7.69ล้านตันเพิ่มขึ้น22.2% ขณะที่อินเดียยังคงเป็นผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลก ปริมาณ21.94ล้านตัน เพิ่มขึ้น8.2% ส่วนเวียดนามส่งออกเป็นอันดับ 3 ปริมาณส่งออก7.10ล้านตันเพิ่มขึ้น12.5%
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มและทิศทางการส่งออกข้าวไทยปี 2566 ที่คาดว่าผลผลิตข้าวโลกปี 2566อยู่ที่ 503 ล้านตัน ลดลง2.3% จากปี2564ที่มีปริมาณรวม 514 ล้านตัน เช่นเดียวกับการบริโภคข้าวโลกลดลง 0.5%ขณะที่ปริมาณผลผลิตข้าวในปี 2566 ของไทยจะมากขึ้นจากน้ำที่มีปริมาณมากเพียงพอ โดยคาดว่า จะมีปริมาณผลผลิตข้าว 33 ล้านตันข้าวเปลือก และผลิตเป็นข้าวสารได้ 20 ล้านตัน ซึ่งปีนี้สมาคมตั้งเป้าการส่งออกข้าวไว้ที่ 7.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า3,800 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น ข้าวนึ่ง 1.5 ล้านตัน ข้าวหอมมะลิ 1.5ล้านตัน ข้าวหอมไทย 0.5ล้านตัน ข้าวเหนียว0.3ล้านตัน และข้าวขาว3.7ล้านตัน
ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกข้าวไทย หลักๆคือเรื่องเสถียรภาพของค่าเงินบาท โดยอยากให้รัฐบาลหรือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพค่าเงินไม่ให้มีความผันผวนมาก
“บาทแข็งหรือบาทอ่อนไม่ได้ส่งผลดีต่อการส่งออก สิ่งที่ผู้ส่งออกอยากได้คือความเสถียรของค่าเงินมากกว่า เพราะที่ค่าเงินแข็งค่าทุกๆ1บาทมีจะผลต่อราคาข่าว15ดอลลาร์ต่อตัน ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนที่ควรจะที่เหมาะสมควรอยู่ที่ ระดับ34-35บาทต่อดอลลาร์ หรือก็ให้มีความผันผวนน้อยที่สุด”
ด้านราคาข้าว FOB ข้าวขาว 5% ของไทย อยู่ที่ 465-470 ดอลลาร์ต่อตัน จากเดิมราคาอยู่ที่480-490ดอลลาร์ต่อตัน(ราคา ณ เดือนม.ค.) ส่วนราคาข้าวขาวเวียดนาม อยู่ที่450ดอลลาร์ต่อตัน และอินเดียอยู่ที่430ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งราคาข้าววันนี้ถือว่าไทยสามารถแข่งขันได้และมั่นใจว่าการส่งออกทั้งปีที่ได้ตามทเป้าที่ตั้งไว้ ส่วนราคาข้าวหอมมะลิ อยู่ที่850-870ดอลลาร์ต่อตัน ลดลง30ดอลลาร์ต่อตัน
ร.ต.ท. เจริญ กล่าวว่า ส่วนการเมืองหลังการเลือกตั้งที่มีรัฐบาลใหม่ ทางผู้ส่งออกข้าวอยากให้รัฐบาลใหม่มีนโยบายด้านข้าวที่ไม่บิดเบือนราคาหรือกลไกการตลาด ไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจำนำข้าวหรือโครงการประกันรายได้ ซึ่งหากมีการบิดเบือนกลไกราคาตลาดจะเกิดปัญหาแน่นอน และทำให้การส่งออกลดลง
ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า แม้จะมีการกำหนดเป้าหมายส่งออกปี 2566 ที่ 7.5 ล้านตัน แต่ก็มีความเป็นได้ที่จะส่งออกได้ถึง 8.5 ล้านตัน จากความต้องการข้าวของประเทศผู้นำเข้ายังมีมาอย่างต่อเนื่อง
"ปัจจัยหลักสำคัญมาจากค่าเงินบาท หากบาทอ่อนก็หนุนการส่งออกข้าวไทยได้มากขึ้น แม้ขณะนี้เงินบาทแข็งค่าแต่ในระยะยาวก็น่าจะมีโอกาสอ่อนค่าเนื่องจากเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงสูงกว่าที่คาดไว้ ซึ่งอาจทำให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้งเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยจะมีผลทำให้ดอลลาร์แข็งค่า ขณะที่บาทจะอ่อนค่าลง"
นอกจากนี้ปริมาณผลผลิตข้าวในปีนี้เพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อราคาภายในประเทศไม่สูงมากนักทำให้แข่งขันได้ และการที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มจากการเปิดประเทศก็ทำให้มีความต้องการบริโภคสูงขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่คู่แข่งอย่างอินเดียเปลี่ยนโยบายข้าวจากที่ให้ข้าวฟรีกับประชาชน 10 กก.กลับมาแจกฟรี 5 กก. โดยในช่วงดังกล่าวทำให้มีการนำข้าวที่แจกฟรีมาขายให้กับพ่อค้าคนกลางและขายต่อให้ผู้ส่งออกทำให้ราคาข้าวต่ำกว่าราคากลาง ส่งผลให้ปี 2565 อินเดียส่งออกข้าวสูงถึง21.94 ล้านตันเนื่องจากราคาข้าวถูกกว่าคู่แข่ง เมื่อรัฐบาลแจกข้าวน้อยลงประชาชนก็จะไม่มีการนำข้าวมาขาย ก็จะส่งผลให้การส่งออกน้อยลงตามไปด้วย คาดว่าอินเดียส่งออกข้าวเพียง14-15 ล้านตัน ส่วนเวียดนามต้องการใช้ภายในประเทศเพิ่มขึ้น คาดว่าจะส่งออกลดลง จาก 7.1ล้านตัน เหลือ 6 ล้านตัน
นอกจากนี้ผู้ซื้อหลักของไทยอย่าง อิรักเตรียมซื้อข้าวจากไทยปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1.2ล้านตัน แอฟริกาใต้ยังมีความต้องการซื้อข้าวนึ่งต่อเนื่อง และสหรัฐจะเริ่มกลับมาซื้อข้าวหอมมะลิตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งปีจะนำเข้าข้าวไทยรวม 4แสนตัน
“ปีนี้การส่งออกข้าวจะดีอาจสูงได้ถึง8.5ล้านตัน เพราะราคาจะแข่งขันได้จากบาทอ่อน แต่ต้องรอดูนโยบายฝ่ายการเมืองหลังการเลือกตั้งด้วยว่าจะใช้นโยบายบิดเบือนราคาข้าวให้สูงเกินจริง เช่น นโยบายจำนำข้าวหรือไม่ หากราคาข้าวบิดเบือนสูงเกินจริง ก็จะกระทบกับยอดส่งออกข้าวปีนี้ให้ปรับลดลงแน่นอน”
ยงยุทธ พฤกษ์มหาดำรง สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า ต้นทุนการผลิตก็เพิ่มขึ้นจากราคาข้าวที่แพง น้ำมันแพง ต้นทุนถุงพลาสติกและค่าแรงงานที่ขยับขึ้น แต่ปัจจุบันข้าวถุงยังคงมีการแข่งขันกันรุนแรง ดังนั้นในช่วงสั้นอาจจะยังไม่มีการปรับขึ้นราคาข้าวถุง โดยข้าวขาว ขนาดถุง5กก. ยังจำหน่ายในราคาอยู่ที่ 90-12บาท ข้าวหอมมะลิ ขนาด ถุง 5 กก.อยู่ที่ 180-220 บาท แต่ในระยะยาวต้องจับตากันต่อไปว่าจะมีการปรับราคาหรือไม่
จากพื้นฐานการส่งออกข้าวปี 2565 ที่ดีจะเป็นแรงส่งให้ปี 2566การส่งออกข้าวของไทยจะดีได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ คือ 8.5ล้านตัน แต่ปัจจัยเสี่ยงและตัวแปรต่างๆก็พร้อมจะทำให้เป้าหมายที่กำหนดไว้ไม่เป็นไปตามที่คาดได้ ดังนั้นต้องจับตาสถานการณ์การส่งออกข้าวอย่างใกล้ชิดเพราะหากการส่งออกดีก็จะเป็นขับเคลื่อนราคาในประเทศให้ดีและส่งต่อไปถึงรายได้ชาวนาและเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วย