'พรรคการเมือง' แข่งนโยบายเอาใจ ‘คนแก่’ ดันเพิ่มสวัสดิการ – เงินผู้สูงอายุ
เป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในเดือน พ.ค.2566 ที่พรรคการเมืองต่างๆออกนโยบายประชานิยมที่หลากหลาย โดยการเลือกตั้งในครั้งนี้แต่ละนโยบายที่ออกมาจะมีการคาดหวังคะแนนเสียงจากกลุ่มต่างๆ และพบว่า “ผู้สูงอายุ” หรือคนที่เกษียณอายุ
โดยนโยบายผู้สูงอายุของแต่ละพรรคการเมืองได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษจากพรรคการเมือง โดยแทบจะทุกพรรคมีนโยบายให้กับคนกลุ่มนี้ทั้งการเพิ่มสวัสดิการ เพิ่มเงินผู้สูงอายุให้อย่างชัดเจน
นโยบายผู้สูงอายุ ที่ใช้หาเสียงเลือกตั้ง
“กรุงเทพธุรกิจ” รวบรวมนโยบายเกี่ยวกับผู้สูงอายุของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ออกนโยบายด้านนี้มาชัดเจนแล้วเพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้แก่
- พรรครวมไทยสร้างชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีของพรรค ได้ประกาศนโยบายของพรรคเกี่ยวกับผู้สูงอายุในเวทีปราศรัยใหญ่ที่จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมาว่าในเรื่องของเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจะปรับให้เป็น 1,000 บาทเท่ากันทุกช่วยอายุ จากที่ในปัจจุบันให้เป็นขั้นบันได 600 - 1,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีนโยบายสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงวัย สร้างศูนย์สันทนาการผู้สูงอายุชุมชน และ ลดภาษีให้กับบริษัทเอกชนที่จ้างงานผู้สูงอายุ
- พรรคเพื่อไทย
แม้ว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เปิดตัวนโยบายผู้สูงอายุอย่างเป็นทางการ แต่หากดูจากแนวความคิดของแกนนำที่มีส่วนกำหนดนโยบายพรรคอย่าง นายแพทย์ พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่านโยบายการดูแลผู้สูงอายุ ต้องเพิ่มประสิทธิภาพของ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะเพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ดูแลกลุ่มเปราะบางให้ดีขึ้น รวมถึงผู้สูงอายุ รวมทั้งการเพิ่มรายได้ผู้สูงอายุ
โดยพรรคเพื่อไทยเคยคิดนโยบายเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา เรื่องหวยบำเหน็จ แทนที่จะเล่นหวยแล้วเงินหายไป เปลี่ยนเป็นนำเงินที่ซื้อไปฝากไว้ ลักษณะเดียวกับสลากออมสิน แต่จ่ายทุกงวด เก็บให้จนอายุ 60 ปีและจ่ายคืนมา มีเงินเหลือเก็บให้ใช้ในวัยเกษียณ เป็นต้น
- พรรคประชาธิปัตย์
เสนอนโยบายการออมเพื่อวัยเกษียณ เป็นภาคบังคับ ข้อเสนอเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่พนักงานต่าง ๆ ออมเงินไว้ ควรเปิดโอกาสให้เขานำเงินตรงนี้ไปซื้อบ้าน หรือสินทรัพย์ไว้ได้ เสนอให้มีการขยายอายุเกษียณจาก 60 ปีเพิ่มไปอีก เพราะบางคนยังไม่มีเงินออมเลี้ยงดูตัวเอง
ปรับระบบประกันสุขภาพที่มีหลายระบบ และมาตรฐานแตกต่างกัน ให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกัน เพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่น ไม่เหลื่อมล้ำ และใช้การรักษาสุขภาพของคนที่จะเข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุมากขึ้น
- พรรคพลังประชารัฐ
พรรคได้มีการประชุมคณะกรรมการพรรคและเห็นชอบให้กำหนดนโยบายสำหรับผู้สูงอายุ โดยปรับบัตรสวัสดิการผู้สูงอายุเป็นนโยบาย 3 4 5 และ 6 7 8 โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับ 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไป จะได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท โดยทางพรรคได้มีการชี้แจงกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และเตรียมใช้หาเสียงต่อไป
- พรรคก้าวไกล
เสนอนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 3,000 บาท ภายในปี 2570 เพื่อยกระดับรายได้ของผู้สูงอายุให้พ้นเส้นความยากจน และเติมสวัสดิการผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยทันที
สร้างระบบดูแลผู้ป่วยติดเตียง การสมทบเงินจากเงินผู้สูงวัยเข้าสู่กองทุนดูแลผู้สูงอายุ เพื่อเป็นงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการพัฒนาระบบและโครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงภายในท้องถิ่น รวมถึงการจ้างงานผู้ดูแล
จัดสรรงบประมาณโดยเฉลี่ยในการดูแลผู้สูงอายุหรือคนพิการที่ติดบ้าน-ติดเตียง ที่ประมาณ 9,000 บาท/คน/เดือน ซึ่งประกอบด้วย งบประมาณในการจัดหาอุปกรณ์ (ประมาณ 1,500 บาท/คน/เดือน) และการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุมืออาชีพ (ประมาณ 7,500 บาท/คน/เดือน) โดยมีอัตราผู้ดูแลโดยเฉลี่ย 1 คน ต่อ ผู้ป่วย 2 คน
- พรรคไทยสร้างไทย
ถือเป็นพรรคการเมืองแรกๆที่ชูเรื่องการเพิ่มเบี้ยคนชรา 3,000 บาทต่อเดือน โดยในเฟสแรก จะช่วยเหลือเฉพาะคนมีรายได้ไม่เพียงพอ ก่อนหน้านี้ รศ.โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ ระบุ ในปีงบ 2565 มีการจัดสรรงบเพื่อจ่ายเป็นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 600-1,000 บาท อยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท และหากมีการปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพเป็น 3,000 บาท จะต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้อีกแนวทางที่จะจัดทำคือเรื่องของบำนาญประชาชน โดยมีเป้าหมายที่ 5 ล้านคน ซึ่งขณะนี้มีผู้เป็นสมาชิกแล้ว 1.1 ล้านคน หากมีการเพิ่มการออม
ขณะที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่าการบำนาญประชาชน 3,000 บาท เป้าหมาย 5 ล้านคน ปัจจุบันมีสมัครเป็นเครือข่ายบำนาญประชาชนแล้วกว่า 1,100,000 คน หากสามารถให้คนเข้าสู่ระบบการออมภาคสมัครใจและภาคบังคับเพิ่มเติมได้ก็จะสามารถสร้างระบบบำนาญประชาชนในระยะยาวได้
- พรรคชาติพัฒนากล้า
มีแนวนโยบายในการเพิ่มศักยภาพผู้สูงอายุให้เป็นกำลังทางเศรษฐกิจโดย มีนโยบายที่เรียกว่า “ยุทธศาสตร์สีเงิน” ซึ่งเป็นนโยบายเพื่อผู้สูงอายุ โดยพรรคจะให้เงินสนับสนุนผู้ประกอบการเพื่อจ้างงานผู้สูงอายุ และมีกองทุน 50,000 บาทต่อครัวเรือน เพื่อปรับอารยสถาปัตย์เพื่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ โดยตั้งเป้า 4 ล้านครัวเรือนในปีแรก
- พรรคภูมิใจไทย
มีนโยบาย เกี่ยวกับการเอาใจใส่ดูแลสวัสดิการ กองทุนประกันชีวิต 60 ปี ขึ้นไป เสียชีวิตได้ 1 แสนบาท และสามารถกู้ได้ 20,000 บาท ไม่ต้องมีคนค้ำ ถือเป็นเรื่องดี จะเป็นการสร้างพื้นฐาน พัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุ และบางคนที่ยังสามารถทำงานเลี้ยงชีพได้ จะได้ต่อยอดในการลงทุน พัฒนาคุณภาพชีวิต หรือเวลาเจ็บป่วยเสียชีวิต จะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน
- พรรคชาติไทยพัฒนา
ได้มีการเปิดตัวนโยบาย “WOW THAILAND” Wealth Opportunity and Welfare For All โดยการสร้างความมั่งคั่ง สร้างโอกาส และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีเพื่อประชาชน” โดยหนึ่งในนั้น คือนโยบาย สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ และจัดเบี้ยให้คนพิการเดือนละ 3,000 บาท