พ่อค้าข้าววอนรัฐบาลใหม่ 'หยุด' ประชานิยม

พ่อค้าข้าววอนรัฐบาลใหม่ 'หยุด' ประชานิยม

ผู้ส่งออกข้าว วอนรัฐบาลใหม่หยุดนโยบายประชานิยมข้าว​ หวั่นกระทบอุตสาหกรรม​ข้าวไทยทั้งระบบ​ แนะพัฒนาสายพันธุ์​ เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน

นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ ระบุ หลังการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่ นโยบายข้าวที่รัฐบาลใหม่ควรผลักดันคือการไม่บิดเบือนกลไกราคาตลาด และต้องมีนโยบายการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าวใหม่ๆที่ตลาดต้องการ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในอุตสาหกรรมข้าวไทย เทียบกับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามที่มีข้าวพันธุ์พื้นนุ่มทำให้ขายข้าวให้กับประเทศฟิลิปปินส์ปีละ 3 ล้านตัน ทำให้ไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดข้าวให้กับเวียดนาม

นโยบายข้าวจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงจุดนี้ ซึ่งโครงการประกันรายได้อาจเป็นโครงการชั่วคราวหรือเป็นนโยบายที่ช่วยเหลือชาวนาในเรื่องของรายได้เพื่อให้เพียงพอกับรายจ่ายของครอบครัว แต่สิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องคิดต้องทำ คือการพัฒนาพันธุ์ข้าวตามต้องการของตลาด ผลผลิตต่อไร่สูง ระยะเวลาเก็บเกี่ยวสั้นน้อย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย 

รัฐบาลชุดที่ผ่านมาดูแต่เรื่องราคาเป็นหลัก ทำเป็นนโยบายประชานิยม โดยการใช้ราคา แล้วไทยจะแข่งขันได้อย่างไร ยกเว้นรัฐบาลมีงบประมาณให้ได้ตลอด ซึ่งแต่ละปีใช้งบประมาณในนโยบายข้าวกว่าแสนล้านบาท ซึ่งทุกพรรคการเมืองมักจะออกมาใช้วิธีให้งบประมาณ แต่ไม่มีการวางนโยบายให้ชาวนาสามารถยืนได้ด้วยขาของตนเอง 

นโยบายข้าวต้องวางระยะยาวและต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการพัฒนาพันธุ์ข้าว การขนส่งโลจิสติกส์ ทั้งที่ไทยเป็นผู้ส่งออก แต่การขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำก็ไม่พัฒนา ไทยเป็นประเทศส่งออกแต่ไม่มีบริษัทเรือ ต้องพึ่งพาบริษัทเรือของประเทศอื่นตลอดเวลา ดังนั้นรัฐบาลใหม่ควรต้องคิด อย่าใช้นโยบายประชานิยมถ้าคิดเช่นนี้ก็ต้องมีงบประมาณจำนวนมากมาสนับสนุนตลอดเวลา ทุกวันนี้การส่งออกไทยต้องแข่งขันดังนั้นของต้องดี ราคาที่ลูกค้าพอใจและเป็นข้าวที่ลูกค้าต้องการ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนี้ได้วางยุทธศาสตร์ข้าวระยะ 5 ปี ล่าสุดมีการประกวดพันธุ์ข้าวใหม่ ซึ่งได้ครั้งแรกได้ข้าวพันธุ์ใหม่ 6 พันธุ์ ครั้งที่ 2 ก็จะได้อีก 6 พันธุ์ แต่ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลชุดใหม่จะสานต่อยุทธศาสตร์ข้าวนี้หรือไม่ ซึ่งนโยบายข้าวควรต้องเป็นระยะยาวและต่อเนื่อง

ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ หรือ นบข.ครั้งที่ 1 ในวันที่20 มี.ค.นี้ ถือเป็นครั้งแรกของการประชุมปีนี้ คาดว่าน่าจะเป็นการสรุปภาพรวมและโครงการต่างๆที่รัฐบาลชุดนี้การดำเนินการนโยบายข้าวในช่วงที่รัฐบาลชุดนี้บริหาร ไม่ได้มีวาระใดเป็นพิเศษ เพราะรัฐบาลชุดนี้ก็จะหมดวาระในเร็วๆนี้ นโยบายข้าวก็คงต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ เข้ามาวางนโยบาย

ส่วนสถานการณ์ข้าวไทยในปีนี้มีแนวโน้มดี ส่งออกได้มากขึ้น สิ่งที่ผู้ส่งออกกังวลก็ยังคงเป็นเรื่องของค่าเงินบาท ซึ่งต้องการมีการการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท ไม่ให้มีความผันผวนมาก เพราะการที่บาทแข็งหรือบาทอ่อนเกินไปไม่ได้ส่งผลดีต่อการส่งออก โดยเฉพาะการตั้งราคาซื้อและราคาขาย ที่ผ่านมาเงินบาทผันผวนมาก บางครั้งอ่อนค่าถึง 35 บาทต่อดอลลาร์ และสวิงกลับมาแข็งค่าที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์ ส่งผลการตั้งราคาซื้อและราคาขาย ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งของไทยลดลงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง