'ชาติไทยพัฒนา' ชี้ นวัตกรรมหนุนเกษตรกร-เอสเอ็มอีไทย ฟื้นเศรษฐกิจประเทศ
"สันติ" ชี้ นวัตกรรมหนุนภาคการเกษตร ช่วยฟื้นเศรษฐกิจประเทศ แนะ รัฐสนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อทุกภาคอุตสาหกรรมนำมาเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ระบุ ควรรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน ปัจจัยต้นทุนอุตสาหกรรม
นายสันติ กีระนันทน์ กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวเสวนาเรื่อง "วิสัยทัศน์การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทย" ในงานประชุมสามัญประจำปี 2566 ภายใต้ธีมงาน "EMPOWERING THAI INDUSTRIES FOR POWERFUL THAILAND เสริมสร้างพลังอุตสาหกรรมไทย สู่ประเทศไทยที่แข็งแกร่ง" ว่า เป้าหมายทางเศรษฐกิจสิ่งแรกที่คิดถึงคือการเตอบโตของเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งไทยมีปัญหาการเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ จึงต้องแก้ไขมุ่งไปที่อุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงอุตสาหกรรมอันดับหนึ่งนั้น จีดีพีภาคการเกษตรยังต่ำแค่ 8% จึงต้องยกภาคการเกษตรที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยพรรคเสนอ ประเด็นตอบโจทย์ คือ ต้นทุนพลังงาน ที่ยังพบว่าโครงสร้างผิด และไม่มีการอัพเดท ปัจจุบันไทยมีมีโรงกลั่น 6 โรง ต่างจากเมื่อก่อนมีน้อย แต่โครงสร้างไม่เปลี่ยน ซึ่งกลุ่มพลังงานที่เป็นผู้นำตลาด รัฐถือหุ้น 50% แต่ไม่เข้าไปดูแลโครงสร้าง
นอกจากนี้ ไทยมีเทคโนโลยีที่ดี โดยรัฐผ่านองค์การมหาชนทำเทคโนโลยีนวัตกรรมเยอะก็ควรนำมาให้เอสเอ็มอีใช้ ในขณะที่ภาคแรงงานถือเป็นปัจจัย ไทยมีการว่างงานต่ำ จึงต้องมีภาคการศึกษาของภาคอุตสาหกรรม โดยรัฐต้องร่วมมือเข้าไปอัพสกิล รีสกิล ซึ่งพรรคได้เสนอกฏหมายมาแล้ว โดยนโยบายค่าแรงเป้าหมาย ทุกคนอยากจ่ายตามสกิลที่ได้รับ ผ่านมา 4 ปีแล้วก็ไม่ทำอะไร
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอุตสาหกรรมทั้งหลายมีความรับผิดชอบต่อสังคม แวดล้อม การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (กลต.) มีเงื่อนไขสัญญา วันนี้นโยบาย CBAM กำลังเป็นอุปสรรค พรรคได้มีการเสนอตั้งคณะทำงานด้านคาร์บอน เป็นศูนย์กลางเอเชียแปซิฟิก เพื่อมุ่งสู่นโยบายคาร์บอนต่ำ ปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมาย Net Zero ปี 2065 ซึ่งหากบริหารไม่ดีจะตกหลุมพลาง และอีกสิ่งที่เป็นปัญหาคือ กระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงพาณิชย์ทำงานแทบไม่ประสานกัน
"ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังเข้าถึงเงินทุนยาก เศรษฐกิจจะโตส่วนหนึ่งต้องแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ไม่ใช่หนุนแค่บริษัทที่มีส่วนได้ส่วนเสีย การช่วยเอสเอ็มอีกองทุนร่วมลงทุนเอสเอ็มอี (เวนเจอร์แคปปิตอล) ต้องเกิด แม้อันดับคอร์รัปชั่นปีปัจจุบันดีขึ้น แต่คะแนนเท่าเดิม 35 คะแนนจาก 100 คะแนน ประเทศอินโดนีเซียยังมีคะแนนสูงกว่า นอกจากนี้ กฏระเบียบที่ยุ่งยากต้องเอาออก นักการเมืองต้องเป็นตัวอย่างไม่คอร์รัปชั่นทั้งนโยบายและการรับเงิน และข้อสุดท้าย คือ อย่าหวังกับองค์กรอิสระ"